ครั้งหนึ่งแอนิเมชันของ Netflix โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเนื้อหาสำหรับเด็กและครอบครัว เคยถูกมองเป็นโอกาสอันล้ำค่า แต่เมื่อหุ้นล่วงแรงกว่า 30% หลังเผยตัวเลขผู้ใช้ลดลง ทำให้แผนกนี้ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้
เว็บไซต์ The Wrap รายงานว่า ตอนนี้ Netflix ได้ตัดสินใจหั่นงบสร้าง ‘แอนิเมชัน’ ซีรีส์หลายเรื่องที่เคยเป็นที่นิยมไม่ได้รับการติดสัญญา รวมไปถึงหลายเรื่องถูกยกเลิกการสร้าง เช่น Bone ตลอดจนยกเลิกโชว์ต่างๆ
ที่สำคัญรายงานดังกล่าวยังชี้ด้วยว่า พนักงานที่เป็นดั่งมันสมองต่างทยอยลาออกเพื่อกลับค่ายเก่าไม่ว่าจะเป็น Cartoon Network, Disney และ Nickelodeon ตลอดจนย้ายไปอยู่กับยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ เช่น Apple TV+ และ Amazon
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘Netflix’ จำนวนสมาชิกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ผลพวงจาก ‘สงครามและการแชร์แอ็กเคานต์’ คาดไตรมาส 2 จะหายไปอีก 2 ล้านราย
- หุ้น Netflix ร่วง 35% ทำมาร์เก็ตแคปวูบ 1.8 ล้านล้านบาท ประกาศกร้าวเตรียมคุม ‘การแชร์รหัส’ เร็วสุดภายในปี 2023
- ไม่มีอีกแล้ว ‘เวทมนตร์’ ของ Disney นักลงทุนกังวลอาจกำลังเผชิญ ‘ฝันร้าย’ เหมือน Netflix
ก่อนหน้านี้เคยมีการเปิดเผยว่า ในปี 2022 Netflix วางแผนที่จะทุ่มเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.8 แสนล้านบาท สำหรับการสร้าง ‘คอนเทนต์’ เพื่อเป็นอาวุธสำหรับการแข่งขันในสังเวียนสตรีมมิงที่ดุเดือด
ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 25% จากปี 2021 และเพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบกับการใช้เงิน 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ใน 2020 โดย Netflix คาดหวังว่า การลงทุนดังกล่าวจะคุ้มค่าและช่วยให้กระแสเงินสดในปี 2022 เป็นบวก
แต่แล้ว Netflix กลับต้องเผชิญกับ ‘สัปดาห์’ ที่เลวร้ายหลังเผยผลประกอบการที่พบว่า ยอดสมัครสมาชิกลดลงกว่า 2 แสนราย ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2010 ซึ่งผิดไปจากการคาดการณ์เดิมว่าจะมียอดสมาชิกจากทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านราย
ที่สำคัญ Netflix ยังประเมินว่า ยอดสมัครสมาชิกจะลดลงไปอีกราว 2 ล้านรายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
แน่นอนนักลงทุนได้ฟังแบบนั้นแล้วยังยิ้มได้คงเป็นเรื่องที่น่าแปลกแล้ว ดังนั้นสึนามิที่ตามมาคือหุ้นที่ร่วงลงกว่า 35% ‘กวาดล้าง’ มาร์เก็ตแคปหายไปทันที 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.8 ล้านล้านบาท โดยนี่ถือเป็นการลดลงมากที่สุดใน 1 วัน นับตั้งแต่ปี 2004
ที่ผ่านมา Netflix เป็นดาวเด่นในสังเวียนสตรีมมิงจนขึ้นเป็น ‘บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ โดยหุ้นของ Netflix เพิ่มขึ้นประมาณ 20,000% นับตั้งแต่ติดนามสกุลมหาชนในปี 2002
ความหวือหวาดังกล่าวทำให้ Netflix มีประสิทธิภาพเหนือกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 500% จากผลตอบแทนรวมในช่วงเวลาเดียวกัน
แต่มีขึ้นก็ต้องมีลง Netflix ประสบกับภาวะตกต่ำหลายครั้งตลอดการทำธุรกิจ โดยเหตุการณ์ที่วิกฤตมากที่สุดคือปี 2011 ที่เร่งเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจให้เช่าวิดีโอไปสู่ธุรกิจสตรีมมิง
Netflix เรียนรู้บทเรียนราคาแพงและสามารถกลับมายืนอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ในขณะที่หุ้นมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นปี 2011 และติดลบเพียงครั้งเดียวในปี 2014
ยักษ์สตรีมมิงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งในปี 2020 หลังเกิดโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนต้องอยู่ในบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ Netflix เห็นสมาชิกใหม่หลายล้านรายหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 70% ในช่วงปี 2020 และเพิ่มขึ้นอีก 11% ในปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่การเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัง
สิ่งที่น่าจับตาคือ Netflix จะกลับมาเติบโตตามสถิติเดิมได้อีกหรือไม่ เพราะเมื่อนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้หุ้นได้ร่วงไปแล้วกว่า 64% ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก 15 บริษัทต่างปรับลดคาดการณ์ราคาหุ้น
นี่จึงสะท้อนถึงวิกฤตที่ Netflix ต้องเผชิญ และต้องผ่านมันไปให้ได้ หากยังอยากรักษาตำแหน่ง ‘บริษัทสตรีมมิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก’
ภาพ: Brandon Bell / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.irishtimes.com/business/media-and-marketing/streaming-wars-drive-media-groups-to-spend-more-than-100bn-on-new-content-1.4765579
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-24/how-netflix-s-awful-week-mars-its-20-000-climb-in-four-charts
- https://www.thewrap.com/netflix-animation-shakeup-executives-fired-shows-canceled-staged-data/
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP