เกิดอะไรขึ้น:
GULF จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่กับ Binance เพื่อเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัลใหม่ ด้วยแผนการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย โดย GULF จะถือหุ้น 51% ในบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ซึ่งผู้บริหารยืนยันว่าการลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในธุรกิจดิจิทัล แม้ว่ายังประเมินผลประโยชน์ทางการเงินได้ยากในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มธุรกิจที่มั่นคงและผลงานที่ดีของ Binance น่าจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนครั้งนี้จะให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลในระยะยาว ขั้นตอนต่อไปคือ การขอใบอนุญาตกับ ก.ล.ต. ซึ่งอาจใช้เวลาระยะหนึ่ง โดยผู้บริหารคาดว่าศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 3Q65 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ ในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
ทั้งนี้ GULF ได้แจ้งตลาดเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB ซึ่งออกโดย Binance ที่ส่วนลด 30% จากราคาตลาดปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาวภายใต้มาตรฐานการบัญชี TAS 38 (สินทรัพย์ไม่มีตัวตน) โดยผู้บริหารคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดี เนื่องจากราคาเข้าซื้อน่าสนใจ
นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิใหม่ (10% ของเงินระดมทุนทั้งหมด 200 ล้านดอลลาร์) ของ Binance.US คิดเป็นมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่ Binance.US จะเสนอขายหุ้น IPO ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งผู้บริหารคาดว่าการลงทุนนี้จะสร้างกำไรส่วนเกินทุนจำนวนมากให้กับ GULF เนื่องจาก Valuation ของหุ้นที่ได้มาคิดเป็น EV/ยอดขาย (ปี 2564) ได้ที่ 16-17 เท่า และการเติบโตของรายได้ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นสามเท่า ขณะที่ GULF มีสิทธิที่จะทยอยขายหุ้นได้ทุกไตรมาสใน 4 ปีข้างหน้า แต่บริษัทวางแผนที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในระบบนิเวศทางธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
อย่างไรก็ดี GULF คาดว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับสามของ Binance ในตลาดโลก ถัดจากดูไบ (สำหรับตลาด MENA) และปารีส (สำหรับตลาดยุโรป) โดยคาดว่า Feature ทั้งหมดของ Binance จะนำไปใช้กับ Binance ประเทศไทย (ยังต้องได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.) และ GULF สามารถออกโทเคนใหม่เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนในอนาคตหากมีโอกาส
สำหรับเงินลงทุนทั้งหมดในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล GULF ตั้งเป้าไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์ (3 พันล้านบาท+) และคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว แต่กำไรส่วนใหญ่จะยังคงมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ตามมาด้วยธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ 10-15%
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GULF ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.51%MoM สู่ระดับ 49.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.24%MoM สู่ระดับ 1,682.55 จุด
มุมมองต่อผลประกอบการปี 2565:
SCBS มองการลงทุนในธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้กำไรและธุรกิจในยุคดิจิทัลใหม่ของ GULF เติบโตเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง แม้อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะเห็นส่วนแบ่งกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนกำไรจากการดำเนินงานในปี 2565 คาดยังคงแข็งแกร่ง YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก GSRC เนื่องจากโรงไฟฟ้าอีก 2 หน่วยจะเริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคมและตุลาคม 2565
นอกจากนี้โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในโอมาน (Duqm SEZ) ซึ่งเปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้วในเดือนธันวาคม 2564 จะสร้างส่วนแบ่งกำไรเต็มปี ซึ่งจะทยอยเริ่มเดินเครื่อง ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH (สัดส่วนการถือหุ้น 42.25%) เป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนกำไรปี 2565 โดยคาดว่า INTUCH จะสร้างส่วนแบ่งกำไรให้แก่ GULF เฉลี่ย 4-5 พันล้านบาทต่อปี
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP