สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบให้บริษัทนับร้อยแห่งทั่วโลกต้องชะลอโปรเจกต์การลงทุน การระดมทุน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการเข้าซื้อกิจการ คิดเป็นมูลค่ารวมกันแล้วกว่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์
Marco Baldini หัวหน้าฝ่ายตลาดพันธบัตรประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกาของ Barclays ระบุว่า สงครามได้ส่งผลต่อภาพรวมตลาดการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง มีความเสี่ยงที่ห่วงโซ่การผลิตจะถูกกระทบ รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
“ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน มันเป็นเรื่องยากที่จะปิดดีลธุรกิจได้ ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนดีลที่ลดลงหมายถึงรายได้จากค่าธรรมเนียมของวาณิชธนกิจในปีนี้ที่มีแนวโน้มจะลดลงตามไปด้วย” Baldini กล่าว
นับจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีบริษัทราว 50 แห่งที่ตัดสินใจพับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) โดย 30 แห่งในจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐอเมริกา เช่น Bioxytran Inc., Crown Equity Holdings Inc. และ Sagimet Biosciences Inc.
โดยดีล IPO มูลค่าสูงที่ต้องถูกเลื่อนออกไปส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปเอเชียและยุโรป เช่น กรณีของ Olam International Ltd. ที่ประกาศเลื่อนแผนการจดทะเบียนธุรกิจอาหารมูลค่า 17.1 ล้านดอลลาร์ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนออกไป รวมถึงกรณีของกลุ่ม Dalian Wanda Group จากจีนที่ตัดสินใจชะลอการนำธุรกิจห้างสรรพสินค้ามูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์เข้า IPO ในตลาดฮ่องกง
“จังหวะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำ IPO ทำให้ธุรกิจที่เคยมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในช่วงก่อนหน้านี้เลือกที่จะรอจังหวะเวลาที่ดีกว่านี้ก่อน” Susannah Streeter นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Hargreaves Lansdown กล่าว
นอกจากดีล IPO แล้ว ดีลการควบรวมและเข้าซื้อกิจการก็ได้รับผลกระทบจากสงครามไม่ต่างกัน โดยข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า มีดีล M&A ไม่ต่ำกว่า 10 ดีล คิดเป็นมูลค่ารวมกันมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ที่ถูกแช่แข็งไว้นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน
หนึ่งในนั้นคือดีล M&A ที่ถูกเลื่อนออกไป คือ การเข้าเทกโอเวอร์บริษัทผู้ผลิตวิดีโอเกม Activision Blizzard ของ Microsoft ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ามูลค่าของดีล M&A ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15% โดยยุโรปจะเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และเป็นไปได้ที่มูลค่าของดีล M&A ในยุโรปจะลดลงถึง 38%
นอกจากนี้ สงครามยังส่งผลกระทบไปยังตลาดพันธบัตรทั่วโลก จากการที่บริษัทขนาดใหญ่ต่างชะลอแผนระดมทุนผ่านการออกบอนด์ลดลงถึง 14% จากปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า บริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป ได้แก่ Slovak Republic, EnBW Energie Baden-Wuerttemberg AG และ Coface SA ได้ยกเลิกแผนออกบอนด์ในปีนี้ไปแล้วรวมกัน 5 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น เช่น Sumitomo Mitsui Construction, Tohoku Electric Power และ Orix Corporation ก็ชะลอแผนระดมทุนผ่านตลาดบอนด์ในประเทศมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ออกไป
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP