วานนี้ (31 มีนาคม) เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียชี้ โลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นระบบระเบียบโลกใหม่ที่เปิดโอกาสให้รัสเซียและจีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำ
“เราจะก้าวไปสู่ระบบระเบียบโลกที่มีหลายขั้วอำนาจด้วยกัน เป็นระเบียบโลกที่เป็นประชาธิปไตย”
การประกาศจุดยืนดังกล่าว มีขึ้นขณะที่ลาฟรอฟเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าพบ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่เดินทางเยือนจีน ตั้งแต่กองทัพรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยหวังอี้ระบุว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซียยังคงแน่นแฟ้น ท่ามกลางบททดสอบใหม่ๆ ในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศ ยังคงอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องและสะท้อนถึงช่วงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความยืดหยุ่น ทั้งสองประเทศเห็นพ้องพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น”
ทางด้าน เจเรมี เฟลมมิง ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรอง GCHQ ของสหราชอาณาจักร แนะจีนว่า การเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย ประเทศที่เพิกเฉยแต่ระบบระเบียบโลกในปัจจุบันและถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศทั่วโลก จะไม่สนับสนุนจุดยืนของจีนในการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลก
“ในระยะยาว รัสเซียทราบดีว่า จีนจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านการทหารและเศรษฐกิจ ผลประโยชน์บางส่วนที่ขัดกันอาจทำให้รัสเซียต้องถูกบีบออกจากสมการความสัมพันธ์ได้”
โดยการตัดสินใจสนับสนุนและใกล้ชิดรัสเซียในช่วงทำสงครามรุกรานยูเครน อาจส่งผลให้สหรัฐอเมริกาและบรรดาชาติในยุโรปรักษาระยะห่างกับจีน อีกทั้งจีนทราบดีว่า การประกาศรับรองเอกราชให้กับแคว้นในดอนบาสและการทำสงครามรุกรานอธิปไตยยูเครน ขัดต่อหลักความเชื่อและค่านิยมของจีน หวั่นสะท้อนกลับมาเกี่ยวโยงกับกรณีของไต้หวัน นับเป็นช่วงเวลาที่จีนต้องพิจารณาการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างรอบคอบ
นอกจากประเทศจีนแล้ว ลาฟรอฟยังเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าพบ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์และหาแรงสนับสนุนในสงครามรุกรานยูเครนในครั้งนี้
ภาพ: Reuters
อ้างอิง: