วานนี้ (23 มีนาคม) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมแล้ว เพื่อเข้าประชุมหารือกับบรรดาผู้นำประเทศในกลุ่มสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO), กลุ่มประเทศ G7 และผู้นำองค์กรต่างๆ ในสหภาพยุโรป เพื่อหาทางส่งมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครน เตรียมส่งทหารไปยังบรรดาประเทศสมาชิก NATO เพิ่มเติม พร้อมประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียระลอกใหม่
รัสเซียเดินหน้ารุกรานยูเครนมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่น และขอบเขตของความเสียหายยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หวั่นสงครามขยายตัวกลายเป็นสงครามอาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการรัสเซียออกมายอมรับว่า มีการใช้อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างไฮเปอร์โซนิกในสงครามยูเครนเป็นครั้งแรก หวั่นทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมเลวร้ายมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ในประเทศสมาชิก NATO ทั่วยุโรปแล้วราว 100,000 ราย มากกว่า 38,000 รายอยู่ในเยอรมนี ซึ่งในที่ประชุมครั้งนี้คาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนทหารอีก 4 กองกำลังในบัลแกเรีย, ฮังการี, โรมาเนีย และสโลวาเกีย ซึ่งจะทำให้กองกำลังในนาม NATO เพิ่มเป็น 8 กองกำลัง เสริมแนวรบบริเวณด้านตะวันออกของยูเครนตั้งแต่ทะเลบอลติกถึงทะเลดำ
สหรัฐฯ และบรรดาชาติพันธมิตร จะขยายการแบนไม่ซื้อสินค้าด้านพลังงานของรัสเซีย เตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่ ขึ้นแบล็กลิสต์บรรดานายทุนและสมาชิกรัฐบาลรัสเซียเพิ่มเติมอีกหลายร้อยราย รวมถึงหารือเกี่ยวกับการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเรือนยูเครน โดยเฉพาะในมาริอูโปลที่อยู่กลางวงล้อมของความขัดแย้งและเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มสะอาด และยารักษาโรค มานานหลายสัปดาห์
รวมทั้งพูดคุยถึงความเป็นไปได้และวิธีการรับมือหากเกิดข้อผิดพลาด กองทัพรัสเซียเผลอโจมตีใส่ประเทศพันธมิตร NATO โดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากกองทัพรัสเซียมีทหารใหม่มากพอสมควร ส่วนใหญ่ยังอายุน้อยและมีประสบการณ์ไม่มากในสมรภูมิรบ เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดสงครามใหญ่ โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่เบลเยียม ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางต่อไปยังโปแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านของยูเครนที่เปิดรับผู้ลี้ภัยจากสงครามครั้งนี้สูงกว่า 2.1 ล้านราย จากทั้งหมด 3.6 ล้านราย
ภาพ: Alex Wong / Getty Images
อ้างอิง:
