โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวกับ CNN International เมื่อวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในบริบทของความขัดแย้งในยูเครน หากต้องเผชิญกับ ‘ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่’
“เรามีแนวคิดเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ และมันเป็นสาธารณะ คุณสามารถอ่านเหตุผลทั้งหมดในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้” เปสคอฟกล่าว “ดังนั้นหากเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่สำหรับประเทศของเรา มันก็สามารถถูกนำมาใช้ตามแนวคิดของเราได้”
ความคิดเห็นของเปสคอฟเกิดขึ้นในขณะที่ผู้สัมภาษณ์อย่าง คริสเตียน อามานพัวร์ ถามย้ำว่า เขา ‘เชื่อหรือมั่นใจ’ หรือไม่ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะไม่ใช้ตัวเลือกของนิวเคลียร์ในบริบทของยูเครน
โดยหากย้อนกลับไปหลายวันหลังจากทหารรัสเซียบุกยูเครน ปูตินประกาศเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ว่า เขาได้ให้กองกำลังนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ของประเทศเตรียมความพร้อม
ด้าน จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ระบุถึงการใช้ถ้อยคำของรัสเซียเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ว่า ‘อันตราย’ เมื่อเขาถูกถามถึงคำแถลงของเปสคอฟดังกล่าว และจุดยืนด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียที่กว้างขึ้น
“มันไม่ใช่วิธีที่ประเทศที่มีอำนาจด้านนิวเคลียร์ซึ่งมีความรับผิดชอบควรแสดงออกมา” เคอร์บีกล่าวกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่เพนตากอน “ไม่เห็นสิ่งใดที่จะทำให้เราสรุปว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการเชิงกลยุทธ์เพื่อยับยั้ง”
“เราเฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ทุกวัน” เขากล่าวเสริม
เมื่อถูกถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีของรัสเซียในยูเครน เปสคอฟกล่าวว่า พวกเขาไม่มีเจตนาที่จะยึดครองยูเครนและยืนยันว่ารัสเซียไม่ได้กำลังโจมตีพลเรือนแต่อย่างใด โดยเขากล่าวว่าเป้าหมายหลักของ ‘ปฏิบัติการ’ คือการ ‘ขจัดศักยภาพทางการทหารของยูเครน’
“นี่คือสาเหตุที่กองทัพของเรากำหนดเป้าหมายไปที่เป้าหมายทางทหารและวัตถุทางทหารในดินแดนของยูเครนเท่านั้น ไม่ใช่ในฝั่งของพลเรือน” เปสคอฟกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลักฐานภาพถ่ายและวิดีโอที่แพร่หลายนั้นสนับสนุนข้อกล่าวหาของกลุ่มด้านสิทธิมนุษยชนว่า กองกำลังรัสเซียได้โจมตีเป้าหมายพลเรือนจำนวนมากในยูเครน
เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ปูตินคิดว่าเขาประสบความสำเร็จในยูเครนจนถึงขณะนี้ เปสคอฟตอบว่า “อย่างแรกเลย ยัง เขายังไม่ประสบความสำเร็จ” แต่เขาก็ย้ำว่าสิ่งที่รัสเซียเรียกว่าเป็น ‘ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ’ ในยูเครนนั้นกำลัง “ดำเนินไปตามแผนและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ก่อนหน้าอย่างเคร่งครัด”
ทั้งนี้ AFP รายงานว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมของชาติตะวันตกกล่าวภายหลังการประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปูตินว่า พวกเขาไม่เห็นสัญญาณที่สำคัญในการระดมกำลังด้านนิวเคลียร์ของรัสเซีย อันได้แก่ เครื่องบินทิ้งระเบิด ขีปนาวุธ และเรือดำน้ำทางยุทธศาสตร์ของปูติน
แต่รัสเซียยังเตือนด้วยว่าหากสหรัฐฯ และ NATO จัดหาเครื่องบินขับไล่ให้กับยูเครน ก็อาจทำให้สงครามทวีความรุนแรงและขยายวง ซึ่งอาจส่งผลให้รัสเซียเผชิญหน้าโดยตรงกับชาติตะวันตกที่มีอาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากสำนักข่าว Interfax ในรัสเซียว่า ปูตินได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย ส่วนสำนักข่าว RIA ระบุว่าการสนทนาดังกล่าวมีขึ้นตามคำร้องขอของฝั่งปารีส
ภาพ: NATALIA KOLESNIKOVA / AFP (แฟ้มภาพจากเดือนธันวาคม 2020)
อ้างอิง: