วานนี้ (16 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) สั่งให้รัสเซียระงับการรุกรานยูเครน โดยกล่าวว่า ‘กังวลอย่างยิ่ง’ จากการใช้กำลังของรัสเซีย
“สหพันธรัฐรัสเซียจะต้องระงับการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเริ่มขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ในดินแดนยูเครนโดยทันที” ในระหว่างที่รอการตัดสินขั้นสุดท้ายในคดีนี้ โจน โดโนฮิว ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะกล่าวกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
“ศาลกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการใช้กำลังของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งทำให้เกิดประเด็นที่ร้ายแรงในกฎหมายระหว่างประเทศ” โดโนฮิวกล่าวในการไต่สวนในกรุงเฮก
ยูเครนได้นำกรณีการบุกยูเครนดังกล่าวยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หลังจากการโจมตีของรัสเซียเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าพยายามให้เหตุผลต่อสงครามครั้งนี้อย่างผิดกฎหมาย โดยกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้องว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ของยูเครน และจากนั้นยูเครนก็ขอให้ศาลใช้มาตรการชั่วคราวเพื่อสั่งให้รัสเซีย ‘ระงับการปฏิบัติการทางทหารในทันที’
“รัสเซียต้องถูกหยุด และศาลก็มีบทบาทในการหยุดยั้งสิ่งนั้น” แอนตัน โคริเนวิช ตัวแทนของยูเครนกล่าวกับ ICJ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การพิจารณาคดีในวันพุธมีขึ้นท่ามกลางจำนวนผู้ลี้ภัยที่หนีออกจากยูเครนเพิ่มเป็น 3 ล้านคน และกองกำลังรัสเซียก็เพิ่มการโจมตีอาคารที่พักอาศัยในกรุงเคียฟ
ในเวลาเดียวกัน ยูเครนกล่าวว่าต้องการให้ความมั่นคงของยูเครนถูกรับประกันโดยกองกำลังระหว่างประเทศ ในขณะที่ปฏิเสธข้อเสนอให้ยูเครนรับสถานะเป็นกลางเทียบได้กับออสเตรียหรือสวีเดน ซึ่งรัสเซียผลักดัน
ทั้งนี้ รัสเซียปฏิเสธการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 7 และ 8 มีนาคม โดยโต้แย้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ICJ ‘ไม่มีเขตอำนาจศาล’ เนื่องจากคำขอของยูเครนอยู่นอกขอบเขตของอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1948 ซึ่งยูเครนใช้เป็นฐานในกรณีดังกล่าว
รัสเซียยังให้เหตุผลในการใช้กำลังในยูเครนโดยกล่าวว่า ‘เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเอง’
แต่ ICJ ตัดสินว่า ICJ เองมีอำนาจศาลในคดีนี้ โดยโดโนฮิวชี้ให้เห็นว่า ICJ ‘ไม่ได้มีหลักฐานที่ยืนยันข้อกล่าวหาของสหพันธรัฐรัสเซียว่ามีการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดินแดนของยูเครน’ ในขณะนี้
นอกจากนี้ ผู้พิพากษายังสั่งรัสเซียให้ทำให้แน่ใจว่าหน่วยทหารหรือหน่วยติดอาวุธนอกแบบ ‘จะไม่ดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม’ ในการรุกรานต่อไป
ICJ ถูกจัดตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อตัดสินเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างรัฐสมาชิกของสหประชาชาติบนฐานของสนธิสัญญาและอนุสัญญาต่างๆ เป็นหลัก ทว่า แม้คำวินิจฉัยจะมีผลผูกพัน แต่ก็ไม่ได้มีวิธีการบังคับใช้จริง และในบางกรณีที่พบได้ยากในอดีต หลายประเทศก็ละเลยคำวินิจฉัยเหล่านี้
ICJ ยังระบุว่าการพิจารณาคดีอย่างเต็มรูปแบบอาจยังคงใช้เวลานานหลายปี
คดีนี้ยังแยกจากการสอบสวนอาชญากรรมสงครามในยูเครนที่เริ่มโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งเป็นศาลที่แยกจากกันในกรุงเฮกด้วย
ด้านประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยินดีกับคำวินิจฉัยของ ICJ ต่อมาตรการฉุกเฉินในฐานะ ‘ชัยชนะที่สมบูรณ์’ ในกรณีของยูเครนต่อรัสเซีย
“คำสั่ง (ICJ) มีผลผูกพันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ รัสเซียต้องปฏิบัติตามทันที การเพิกเฉยต่อคำสั่งดังกล่าวจะทำให้รัสเซียถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น” เซเลนสกีกล่าวบน Twitter
ภาพ: Cyrille Gibot / Getty Images
อ้างอิง: