ตั้งแต่การมาถึงของ Raf Simons ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ร่วมกับ Miuccia Prada ที่ Prada ดูจะผลิดอกออกผลให้กับแบรนด์ในแง่ยอดขายที่จับต้องได้ โดยล่าสุดทางบริษัทได้ออกมาเปิดเผยยอดขายประจำปี 2021 ของ Prada Group ที่ทำไปได้ทั้งหมด 3,360 ล้านยูโร หรือราว 123,564 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 41% และมากกว่าปี 2019 ก่อนยุคโควิดถึง 16%
โดยแบรนด์ที่ทำรายได้ให้ Prada Group มากที่สุดยังคงเป็น Prada ที่สัดส่วนทำเงินให้บริษัท 87% ของทั้งหมด และกลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุดก็หนีไม่พ้นกลุ่มสินค้าประเภทกระเป๋าและเครื่องหนังที่แบรนด์ผลักดันเป็นอย่างมาก ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 สินค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนมากถึง 52% ตามมาด้วยเสื้อผ้า Ready-to-Wear 28% รองเท้า 28% ที่มีคอลเล็กชันเด่นอย่าง Adidas x Prada, Linea Rossa และ Prada Re-Nylon รวมไปถึงหมวก เครื่องประดับ และของแต่งบ้าน
โดยภูมิภาคที่ทำยอดขายให้บริษัทมากที่สุดยังคงเป็นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ที่ทำไปได้ 1,192 ล้านยูโรในอัตราการแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ตามมาด้วยยุโรป 749 ล้านยูโร, อเมริกา 572 ล้านยูโร, ญี่ปุ่น 297 ล้านยูโร และตะวันออกกลาง 121 ล้านยูโร
นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าวยังเปิดเผยถึงกำไรสุทธิของของแบรนด์เพิ่มจาก 54 ล้านยูโรในปี 2020 มาเป็น 294 ล้านยูโรในปี 2021 และมากกว่าปี 2019 ที่ทำกำไรได้ 256 ล้านยูโร
ทาง Prada ได้ประกาศร่วมงานกับ Raf Simons เมื่อเดือนเมษายน ปี 2020 และเปิดตัวคอลเล็กชันแรกกับ Miuccia Prada ในคอลเล็กชัน Spring/Summer 2021 ของฝั่งผู้หญิงในอีก 5 เดือนต่อมา และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยกิจกรรมที่ทำให้แบรนด์เป็นที่พูดถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นโชว์หนึ่งในไฮไลต์ของ Milan Fashion Week ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย, การเปิดตัว NFT ร่วมกับ Adidas, เปิดร้าน Pop-Up รวมกว่า 80 แห่งทั่วโลกตลอดทั้งปี ไปจนถึงการได้ Tom Holland มาเป็นพรีเซ็นเตอร์แคมเปญเสื้อผ้าผู้ชายที่ทำให้ยอดเอ็นเกจเมนต์ของแบรนด์เพิ่มขึ้น 181% จากช่วงเวลาปกติ
ภาพ: Christian Vierig / Getty Images
อ้างอิง: