วันนี้ (9 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2565 ว่า วันนี้มีการประชุมทั้งวันและมีหลายเรื่องที่รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการแก้ไขในการลดความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งมีหลายอย่างด้วยกัน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของพลังงานเพียงอย่างเดียวหรือราคาน้ำมันเพียงอย่างเดียว
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้นำหลายเรื่องเข้าสู่การพิจารณาจำนวน 7 วาระ ซึ่งสิ่งแรกเราต้องทราบถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ซึ่งไม่ใช่เพียงราคาน้ำมันดีเซลเพียงอย่างเดียว กลัวไปถึงราคาน้ำมันเบนซิน, NGV, LPG พัวพันกันทั้งหมด จำเป็นต้องหามาตรการในการบริหารว่าทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งหลายอย่างเราได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งมาตรการด้านภาษี การจัดหาเงินทดแทนกองทุนพลังงานที่เรามีน้อยลงอย่างจำกัด
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีสมมติฐานไว้หลายประการ อาทิ ถ้าราคาอยู่ในปัจจุบันเราจะอุดหนุน (Subsidise) และดูแลได้ถึงเมื่อไร ในราคาลิตรละ 30 บาทในส่วนของดีเซล และถ้าราคาสูงกว่านี้จะต้องทำอย่างไร หรือถ้าสูงขึ้นไปอีกเราจะทำอย่างไรอีก และท้ายที่สุดถ้าสูงขึ้นไปอีกมันก็จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในตอนนั้น เพราะหลายประเทศก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน
“ราคาน้ำมันและก๊าซของเราอยู่ในระดับต่ำถ้าเทียบกับอาเซียนทั้งหมด ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำแล้ว แต่ไม่ใช่ต่ำที่สุด เพราะมีบางประเทศซึ่งมีแหล่งพลังงานของเขาเอง ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย ผมไม่อยากพูดอะไรมาก พูดไปก็ถูกเอาไปบิดเบือนหมด พูดไปบางทีก็ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เพราะไปจับเอาแต่ประเด็นที่มันจะเป็นปัญหาออกไป” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจะมีการตรึงราคาน้ำมันเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้ ตอนนี้ยังต้องตรึงไปก่อน เพราะดีเซลราคา 30 บาทก็จะตรึงไปจนกว่าไม่สามารถที่จะรับได้ ถ้าราคาสูงขึ้นเกิน 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะทำอย่างไร และถ้าราคาสูงเกิน 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะทำอย่างไร และถ้าสูงไม่ถึง 180 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะทำอย่างไร วันนี้ถ้าเปรียบเทียบระยะเวลาก่อนหน้านั้นในหลายรัฐบาลที่ผ่านมาก็สูงอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการปรับตัวสูงในระยะสั้น ไม่ใช่สูงแบบนี้ และไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเลย เพราะสถานการณ์เป็นคนละสถานการณ์กัน
“วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาก็ย่อมมีวิธีการที่แตกต่างกัน เพราะวันนี้ประเทศไทยเจริญเติบโตขึ้นมาก เทคโนโลยีก็มีมาก การใช้รถ ใช้พลังงาน ก็มีมากขึ้น ดังนั้นผลกระทบต้องมากขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ปัญหาของเราคืองบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์เราได้ใช้งบประมาณในเรื่องของสุขภาพไปจำนวนมากพอสมควร การช่วยเหลือต่างๆ ในหลายมาตรการได้ออกไปรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่แล้วในหลายมิติ ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของราคาเบนซินจะทำอย่างไร พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บอกไปตั้งแต่วานนี้ว่ากำลังหามาตรการพิจารณาที่เหมาะสม เฉพาะราคาของดีเซลก็ยังอาการหนัก ในส่วนของเบนซินก็ต้องไปหาวิธีการว่าจะดำเนินการเฉพาะกลุ่มอย่างไรหรือไม่