ความคืบหน้าเพิ่มเติมหลังจากที่ โรมัน อบราโมวิช ประกาศปิดฉาก ‘Roman Empire’ อันเกรียงไกร ในการเปลี่ยนสโมสรฟุตบอลอย่างเชลซีให้กลายเป็นมหาอำนาจของวงการลูกหนังในระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มมองเห็นเค้าลางของว่าที่เจ้าของสโมสรใหม่แล้ว
โดยชื่อที่มีการพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้คือ ฮันส์ยอร์ก วิสส์ มหาเศรษฐีวัย 85 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นคนแรกที่เปิดเผยเรื่องการตัดสินใจของอบราโมวิชที่ต้องการจะขายทีมเชลซีทิ้งหลังได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัสจากสงครามรัสเซียบุกยูเครน
วิสส์ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานของ Synthes Holding AG ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอื่นๆ ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Blick ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เอง ระบุในการสัมภาษณ์ครั้งนั้นว่าเขาคือ 1 ใน 4 คน (หรือกลุ่ม) ที่ได้รับการติดต่อจากอบราโมวิชให้มาซื้อสโมสรที่เป็นแก้วตาดวงใจของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย แต่จะไม่ลงทุนเพียงคนเดียว โดยตั้งใจที่จะหานักลงทุนคนอื่นๆ มาร่วมกันลงขันเพื่อการนี้
ล่าสุดมีการเปิดเผยชื่อว่าพันธมิตรแห่งเชลซีสำหรับวิสส์คือ ทอดด์ โบลี ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของบริษัท Eldridge Industries ซึ่งลงทุนทั้งด้านสื่อและในวงการกีฬา และเป็นเจ้าของร่วมของทีมเบสบอลชื่อดัง แอลเอ ดอดเจอร์ส ในเมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) ด้วย
โบลีเคยตกเป็นข่าวว่าได้พยายามยื่นข้อเสนอ 2.2 พันล้านปอนด์ให้กับอบราโมวิช ในปี 2019 แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธไป แต่กลับมามีโอกาสอีกครั้งในคราวนี้โดยวิสส์ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเนื่องจากเคยร่วมลงทุนกันมา
ตามรายงานจาก The Guardian ทั้งคู่ตั้งใจที่จะเดินหน้าลุยก่อนคู่แข่งเจ้าอื่นจะขยับตัว และคาดว่าจะสามารถยื่นข้อเสนอครั้งแรกได้ภายในคืนวันอาทิตย์นี้
เส้นตายและราคาคือปัญหา
ปัญหาสำหรับการเจรจาในครั้งนี้ที่อาจจะทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าที่คิดคือเส้นตายและราคาที่อบราโมวิชต้องการ
เนื่องจากสถานการณ์ในเวลานี้บีบให้มหาเศรษฐีวัย 55 ปี ผู้ร่ำรวยจากการทำธุรกิจน้ำมันและอื่นๆ ในรัสเซีย ต้องการขายสินทรัพย์หลายอย่างในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยความกังวลว่าหากทางการอังกฤษมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินจะทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ ได้
‘เส้นตาย’ ที่อบราโมวิชขีดไว้คือต้องสามารถเจรจาปิดดีลกันได้ภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้
ในกรอบระยะเวลานี้ถือว่าเป็นไปได้ โดย ริชาร์ด มาสเตอร์ส ประธานบริหารพรีเมียร์ลีกยืนยันว่า หากเร่งดำเนินการแบบเร็วสุดๆ แล้วทุกอย่างอาจจะจบได้ภายในระยะเวลาแค่ 10 วัน โดยพรีเมียร์ลีกก็เห็นด้วยว่านี่คือหนทางที่ถูกต้อง เพราะสถานการณ์ในเวลานี้คาดเดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ และหากอบราโมวิชมีปัญหาขึ้นมา เชลซีจะเจอปัญหาหนักเข้าไปอีก
อย่างไรก็ดี ปัญหาใหญ่อีกเรื่องคือ ‘มูลค่า’ ของเชลซีที่อบราโมวิชต้องการนั้นอาจจะสูงเกินความจริง
โดยในการสัมภาษณ์กับ Blick เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา วิสส์ยอมรับว่าราคาที่อบราโมวิชต้องการนั้นเกินความจริงไปมาก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขที่ต้องการนั้นอาจจะสูงถึง 4 พันล้านปอนด์ แต่ทางด้าน Sky Sports ระบุว่า ตัวเลขอาจจะลดลงมาอยู่ที่ 3 พันล้านปอนด์ และไม่เกี่ยวกับส่วนของหนี้สิน 1.5 พันล้านปอนด์ ที่อบราโมวิชพร้อมจะยกหนี้ให้สโมสรแต่อย่างใด
ปัญหาอยู่ที่ตัวเลข ต่อให้เป็นที่ 3 พันล้านปอนด์ก็ยังสูงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะขนาดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรที่มีแบรนดิ้งดีที่สุดในโลก มีฐานแฟนฟุตบอลมากที่สุดทีมหนึ่งของโลก เป็นสโมสรที่มีสนามฟุตบอลใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ก็ยังมีมูลค่าประเมินอยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
เชลซีไม่ได้มีฐานแฟนฟุตบอลมากเท่า และสนามฟุตบอลสแตมฟอร์ดบริดจ์ ซึ่งมีความจุแค่ 41,387 ที่นั่ง กำลังจะเป็นปัญหาที่ทำให้มูลค่าลดลง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินประเมินว่าข้อเสนอที่อบราโมวิชจะได้รับน่าจะไม่เกิน 2 พันล้านปอนด์เท่านั้น
แต่ทางด้าน อแมนดา สเตฟลีย์ หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า ล่าสุดอบราโมวิชได้รับข้อเสนอ ‘ที่จริงจัง’ ในมูลค่า 3 พันล้านปอนด์ และข้อเสนอนั้นมีมากกว่า 1 เจ้า
ผลกระทบต่อทีมที่กำลังจะเกิดขึ้น
นอกเหนือจากส่วนของการเจรจาแล้ว ผลกระทบต่อทีมเชลซีโดยตรงที่ต้องเตรียมตัวรับมือจากการตัดสินใจขายสโมสรทิ้งของอบราโมวิชก็มีไม่น้อย
ในส่วนของฝ่ายบริหารคาดว่า บรูซ บัค ประธานสโมสร และ มารีนา กรานอฟสกายา ผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในการบริหารทีมช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจจะอำลาทีมทันทีหากอบราโมวิชไปจากสโมสร
อย่างไรก็ดี ในกรณีของกรานอฟสกายา ยังพอมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะอยู่ช่วยทีมต่อไป เนื่องจากเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับระดับสูงในวงการฟุตบอล อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีม ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นคนของอบราโมวิช แต่ก็อาจจะยอมตัดเพื่อทำงานกับสโมสรต่อไป
ปัญหาใหญ่อีกสิ่งที่จะตามมาแน่นอนคือการเจรจาต่อสัญญาของผู้เล่น โดยเฉพาะในกลุ่มที่กำลังจะหมดสัญญาอย่าง 3 กองหลัง ได้แก่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา กัปตันทีม และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ เสาหลักในแนวรับของทีม
คาดว่าการเจรจาใดๆ ในเรื่องสัญญาของนักเตะกลุ่มนี้จะถูกชะลอไว้ก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจนในทิศทางของสโมสร
เงินช่วยเหลือสำหรับผู้ประสบภัยสงครามทุกคน
อีกประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากในแถลงการณ์ของอบราโมวิชเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คือการประกาศว่าจะนำเงินรายได้จากการขายสโมสรเชลซีไปตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียบุกยูเครน
ในเรื่องนี้เดิมมีการมองว่าจะเป็นการนำไปช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยชาวยูเครนและฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองที่ถูกทำลายจากสงคราม แต่ The Guardian ได้ความกระจ่างขึ้นหลังสอบถามแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิด ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเงินบริจาคนี้มีขึ้น ‘สำหรับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม’
ไม่ใช่เฉพาะชาวยูเครน แต่รวมถึงครอบครัวของทหารชาวรัสเซียที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากสงครามด้วย
สำหรับตัวเลขที่จะบริจาคเข้ากองทุนดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน เช่นเดียวกับรายละเอียดอื่นๆ โดยทีมของอบราโมวิชกำลังพยายามดำเนินการในส่วนนี้ให้เร็วที่สุดและเกิดประโยชน์ที่สุด
แต่เบื้องต้นคาดว่าเงินที่จะเข้ากองทุนจะอยู่ในหลัก ‘ร้อยล้านปอนด์’
อ้างอิง:
- https://www.telegraph.co.uk/football/2022/03/03/chelsea-abandon-trustees-takeover-plan-roman-abramovich-seeks/
- https://www.theguardian.com/football/2022/mar/03/hansjorg-wyss-and-todd-boehly-confident-of-deal-to-buy-chelsea-from-roman-abramovich
- https://www.theguardian.com/football/2022/mar/03/roman-abramovich-funds-for-war-victims-not-only-to-ukrainians
- https://www.theguardian.com/football/blog/2022/mar/03/roman-abramovich-exit-leaves-uncertain-future-for-chelsea-and-lingering-questions
- https://www.skysports.com/football/news/11668/12556858/roman-abramovich-has-received-3bn-offers-for-chelsea-as-newcastle-co-owner-amanda-staveley-says-he-has-been-unfairly-treated