ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่รอบเกือบ 4 เดือน โดยทะลุระดับราคา 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองเกี่ยวกับยูเครนทำให้ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งอาจกดดันเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเป็น 2 เท่า ทั้งลดโอกาสการเติบโตและเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ กลับเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นิโคลัส เฟรปเพลล์ ผู้จัดการทั่วไปฝั่งตลาดโลก ABC Bullion ในซิดนีย์ กล่าวว่า การที่นักลงทุนเข้าสู่โหมด Risk-Off และผลตอบแทนที่แท้จริงที่ลดลงน่าจะผลักดันราคาทองคำได้ รวมถึงการขยับขึ้นของราคาน้ำมันดิบอาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปัจจัยหนุนทองคำเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอาจทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นได้ไม่มาก
โดยล่าสุดวันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ราคาทองคำย่อตัวลงมาซื้อขายอยู่ที่บริเวณ 1,850-1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์
จรณเวท ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายแนะนำการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส กล่าวว่า สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำชั่วคราวเท่านั้น โดยความเคลื่อนไหวราคาทองคำในปี 2565 ยังขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed เป็นหลัก
“ภาพใหญ่ของทองคำในปีนี้ยังมีปัจจัยลบจากการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ที่อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาด หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนล่าสุดออกมาสูงสุดในรอบ 40 ปี ดังนั้นการที่ราคาทองคำขยับขึ้นมาครั้งนี้แนะนำให้ขายทำกำไร และรอเข้าลงทุนใหม่ที่ระดับ 1,830-1,825 ดอลลาร์ต่อออนซ์”
ทั้งนี้ คลาสสิก ออสสิริส มีมุมมองเป็นบวกต่อสินทรัพย์ทองคำในปีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าสถานการณ์เงินเฟ้อจะยังปรับสูงขึ้นทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเกิดความผันผวน ส่งผลให้ทองคำได้รับความสนใจเพิ่มในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อและสินทรัพย์หลุมหลบภัย โดยทั้งปีนี้มองว่าราคาทองคำมีโอกาศปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,900-1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนี้ กองทุน SPDR ก็มีท่าทีเชิงบวกต่อทองคำ หลังจากที่เข้าซื้อสุทธิประมาณ 40 กว่าตันตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน
บทวิเคราะห์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า แนวโน้มราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideways Up หลังจากที่ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนวันศุกร์ (11 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นร้อนแรงแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงพุ่งขึ้นในระดับสูงแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
ทั้งนี้ ประเมินราคาทองคำสัปดาห์นี้มีแนวรับ 1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,880 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมกราคม ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน จาก 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบรายปี
ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรง หลังตลาดกังวลความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดมีการหารือระหว่างไบเดนและปูตินเพื่อหาข้อยุติฉนวนสงครามดังกล่าวแต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากรัสเซียเกรงว่ายูเครนที่เคยเป็นอาณานิคมของโซเวียตจะเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ซึ่งจะทำให้ชาติพันธมิตรในฝั่งยุโรปเข้ามามีบทบาทในยุโรปตะวันออกและดุลอำนาจของรัสเซียจะลดลง จึงทำให้การประชุมหารือดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุป และความตึงเครียดยังคงดำเนินต่อ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าในภาวะสงครามจะหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้น หากระหว่างวันราคาทองคำย่อตัวลงทดสอบแนวรับ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้วไม่หลุด ให้ทยอยเข้าซื้อสะสม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-14/gold-holds-biggest-gain-since-october-as-investors-seek-haven?sref=CVqPBMVg
- https://www.reuters.com/markets/europe/gold-slips-chances-hefty-fed-rate-hike-rise-after-cpi-data-2022-02-11/
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP