สหราชอาณาจักรและเยอรมนีเป็นอีกสองประเทศที่ประกาศให้พลเมืองเดินทางออกจากยูเครน หลังสหรัฐฯ ประกาศไปก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความวิตกว่ารัสเซียอาจตัดสินใจบุกยูเครนภายในไม่กี่วันข้างหน้า
ทำเนียบขาวเตือนว่า รัสเซียอาจบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ และอาจเริ่มด้วยการโจมตีทางอากาศ อย่างไรก็ตามรัสเซียโต้กลับข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุ โดยรัสเซียยืนกรานมาตลอดว่าไม่มีแผนบุกโจมตียูเครน แม้จะยังไม่ถอนทหารนับแสนออกจากบริเวณชายแดนก็ตาม
สองมหาอำนาจมีความพยายามที่จะใช้ช่องทางการพูดคุยเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในยูเครน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียราว 1 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ โดยไบเดนเตือนปูตินว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรจะตอบโต้รัสเซียอย่างเด็ดขาด พร้อมกำหนดบทลงโทษที่ตามมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง หากปูตินตัดสินใจส่งทหารบุกยูเครน
ในส่วนของการอพยพพลเมืองนั้น สหรัฐฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่จำเป็นเดินทางออกจากสถานทูตในกรุงเคียฟ และงดให้บริการกงสุลตั้งแต่วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) เป็นต้นไป คงเหลือไว้เพียงบริการกงสุลบางส่วนในเมืองลวีฟเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉิน
ขณะที่แคนาดาได้อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตไปยังเมืองลวีฟที่อยู่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ โดยเมลินดา ซิมมอนส์ ทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศยูเครน ทวีตว่า เธอและทีมงานหลักจะยังอยู่ในกรุงเคียฟต่อไป
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่าข่าวสารต่างๆ ที่ออกมานั้นสร้างความตื่นตระหนกจนเกินไป โดยย้ำว่าเวลานี้เขายังไม่เห็นหลักฐานหนักแน่นใดๆ ที่บ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังจะบุกยูเครนเร็วๆ นี้
“ผมคิดว่ามีข่าวสารมากเกินไปจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบ” เซเลนสกีกล่าว “เราเข้าใจถึงความเสี่ยงทั้งหมด เราเข้าใจว่ามีความเสี่ยงอยู่ หากคุณหรือใครอื่นก็ตามที่มีข้อมูลน่าเชื่อถือ 100% เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซีย โปรดแชร์ให้เราทราบ”
ภาพ: Armed Forces of Ukraine / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
