×

“ถ้าไม่ใช่เบนฟิกา ก็ยังมีสโมสรจากสเปน” มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ความหวังฟุตซอลไทยกับโอกาสครั้งใหญ่ในยุโรป

04.02.2022
  • LOADING...
“ถ้าไม่ใช่เบนฟิกา ก็ยังมีสโมสรจากสเปน” มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ความหวังฟุตซอลไทยกับโอกาสครั้งใหญ่ในยุโรป

หากเอ่ยชื่อของ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา หรือ ‘เจ้าเหม็ด’ แล้ว คอฟุตซอลไทยย่อมรู้จักเป็นอย่างดี เพราะนี่คือนักฟุตซอลที่เราอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความหวังสูงสุดสำหรับทีมชาติไทยในอนาคต

 

สำหรับแฟนกีฬาไทยที่อาจจะไม่คุ้นนัก เด็กคนนี้ได้รับสมญา ‘พ่อมดฟุตซอล’ รุ่นที่ 3 เป็นคนที่เชื่อว่าจะสานต่อตำนานรุ่นพี่อย่าง อนุชา มั่นเจริญ และตำนานรุ่นปัจจุบันอย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง และการได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ที่ได้โอกาสลุ้นรางวัลนักฟุตซอลยอดเยี่ยมแห่งปีของโลกถึง 5 ปีซ้อน! น่าจะพอเป็นนามบัตรแนะนำตัวของเขาได้เป็นอย่างดีว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา

 

แต่ดูเหมือนมูฮัมหมัดในวัย 24 ปี จะไม่ได้รู้สึกพอใจแค่นี้ เมื่อเตรียมออกผจญภัยอีกครั้งบนแผ่นดินฟุตซอลยุโรป เมื่อได้รับโอกาสจากปูลปิส อดีตโค้ชฟุตซอลทีมชาติไทยที่ปัจจุบันคุมทีมเบนฟิกา หนึ่งในสโมสรระดับชั้นนำของโปรตุเกส ให้มาทดสอบฝีเท้าดู

 

เด็กหนุ่มผู้มีสายเลือดครึ่งหนึ่งที่อ่อนโยนแบบคนไทยจากฝั่งแม่และยาย และเข้มแข็งรวมถึงมี ‘ดีเอ็นเอนักกีฬา’ แบบคนกานาจากฝั่งพ่อซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอล ได้รับการช่วยเหลือจากหลายฝ่ายเพื่อให้สามารถไปทดสอบฝีเท้าครั้งนี้

 

โดยเฉพาะจากต้นสังกัดใหม่ ‘นักรบโจรสลัด’ แบล็กเพิร์ล ยูไนเต็ด ซึ่งคว้าตัวเขาจากทีมฟรีไฟร์ ชลบุรี บลูเวฟ และเพิ่งจะมีการประกาศย้ายทีมอย่างเป็นทางการสดๆ ร้อนๆ และผู้สนับสนุนอย่าง Imane แบรนด์ไทยที่กำลังครองใจตลาดฟุตซอลบ้านเรา ที่ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

 

และเจ้าตัวเองก็พร้อมเช่นกันที่จะใช้เวลาราว 6 สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งจะเป็น 6 สัปดาห์ที่อาจสำคัญที่สุดในชีวิต เพื่อการพิสูจน์ตัวเองและพิสูจน์ให้ชาวยุโรปและนักฟุตซอลฝีเท้าดีจากทั่วโลกได้เห็นว่านักฟุตซอลจากไทยก็เก่งไม่แพ้พวกคุณ

 

อย่างไรก็ดี เบนฟิกาอาจไม่ใช่เป้าหมายเดียวด้วยสำหรับการเดินทางครั้งนี้

 

“พอดีทางปูลปิสอยากให้ลองไปลงเล่นทดสอบฝีเท้าดูครับ จะมีเกมกระชับมิตรให้ผมลงเล่น ทางต้นสังกัดใหม่ของผมกับ Imane ก็เลยส่งผมไปร่วมซ้อมกับเบนฟิกาครับ” มูฮัมหมัดให้ความกระจ่างถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นการผจญภัย ก่อนจะเปิดเผยกับ THE STANDARD ต่อว่า นอกจากเบนฟิกาแล้วเขายังมีทางเลือกจากสเปนที่พร้อมรองรับอยู่ด้วย


“คือถ้าไม่ได้ที่เบนฟิกา ก็มีทีมจากสเปนที่สนใจผมอยู่เป็นที่รองรับอีกที ผมก็เลยอยากไปลองที่เบนฟิกาก่อน เพียงแต่ด้วยกระบวนการขอวีซ่าที่ล่าช้า เวลามันก็ล่วงไป ทำให้ตอนนี้ผมจะได้อยู่กับเบนฟิกาจริงๆ แค่ 15 วันเอง จริงๆ ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ 4-5 สัปดาห์ ก็ลุ้นหนักว่าจะได้ไปไหม แต่ตอนนี้ก็โล่งแล้ว”

 

ในขณะที่พูดถึงเบนฟิกาและสโมสรจากสเปน แววตาของเจ้าเหม็ดดูเป็นประกายขึ้นอย่างชัดเจน

 

สำหรับเด็กที่ฝึกเล่นฟุตบอลข้างถนน เรียนวิชาจากการสอนแบบภาคปฏิบัติล้วนๆ ของรุ่นพี่แถวบ้านในชุมชนอิสลามซอยสุเหร่า (ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่งกาจด้านฟุตซอลหรือฟุตบอลโต๊ะเล็กยิ่งนักมาแต่ไหนแต่ไร) สู่การใช้เพลงแข้งเป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตรและโรงเรียนราชวินิตบางเขน ก่อนที่เส้นทางจะพุ่งสู่ดวงดาวอย่างรวดเร็ว ได้เข้าสโมสรฟุตซอลอาชีพ จนถึงความภูมิใจสูงสุดอย่างการติดทีมชาติไทยครั้งแรกในปี 2016 และเคยได้สัมผัสกับวงการฟุตซอลยุโรปช่วงสั้นๆ กับสโมสรซานติอาโก ฟุตซอล ในสเปน ความจริงชีวิตของมูฮัมหมัดก็ถือว่าเดินทางมาไกลมากแล้ว

 

แต่ประสบการณ์ ความทรงจำ และความรู้สึกจากที่เคยได้ไปสเปนในครั้งนั้นยังตราตรึง และกลายเป็นความฝันที่เขาอยากจะทำให้ได้อีกครั้งและต้องทำให้ได้จริงๆ ด้วย เพราะนี่คือโอกาสที่จริงจังและชัดเจนกว่าครั้งแรก ซึ่งครั้งนั้นเป็นการเดินทางไปโดยที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็จะต้องกลับมาที่เมืองไทย แต่ครั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปแล้วคว้าโอกาสได้เลย

 

“ตอนไปสเปนครั้งก่อนผมอายุ 19 ปีก็คล้ายๆ กับที่เบนฟิกาชวนไปครั้งนี้คือไปร่วมซ้อม พอซ้อมดีเขาก็ให้โอกาสผมลงเล่น (ซึ่งเขาก็กลายเป็นนักฟุตซอลไทยคนแรกที่ทำประตูในลีกสเปนได้!) ซึ่งสำหรับครั้งนี้ผมจะไปเบนฟิกา แล้วต่อด้วยไปทีมสเปน แล้วจะกลับมาที่ไทย ทีนี้พอหลังจากนี้ผมจะลุยยาว ซีซันหน้าผมก็อยากจะไปสเปนเลย

 

“ตอนที่ทำประตูได้ช่วงนั้นคือผมได้โอกาสลงเล่น จริงๆ ทีมก็ตกชั้นไปแล้ว ผมเองก็ลงไปแบบไม่มีความกดดัน ไม่มีอะไรต้องเสีย ทีนี้พอยิงประตูได้ก็กลายเป็นเพื่อนให้การยอมรับเรา” เจ้าเหม็ดเล่าย้อนกลับไป “เอาตรงๆ เลยคือเราเป็นคนเอเชียไป พวกเขาไม่ได้ยอมรับเรามากขนาดนั้นอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับคนบราซิลไป การปรับตัวอะไรต่างๆ ต้องต่อสู้มากทีเดียว”

 

ลำพังกำแพงระหว่างฝีเท้าก็สูงใหญ่อยู่แล้ว ไหนจะกำแพงเรื่องภาษา วัฒนธรรม ที่เป็นอุปสรรคคลาสสิกของพ่อค้าแข้งทุกยุคทุกสมัย ต่อให้เก่งแค่ไหน ปรับตัวไม่ได้ ก็ไปไม่ถึงดวงดาว สิ่งเหล่านี้พูดง่ายแต่ยากที่จะทำได้

 

มูฮัมหมัดในวัย 24 ปี มั่นใจแค่ไหนในการเดินทางไปครั้งนี้?

 

“มันไม่ง่ายอยู่แล้ว แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ผมไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่ได้” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างมั่นใจเช่นเดียวกับแววตา “ไปเล่นที่โน่นต้องบอกเลยว่าผมต้องปรับสไตล์ไม่เหมือนเล่นที่ไทย เพราะผู้เล่นที่โน่นสูงใหญ่และแข็งแกร่ง จะครองบอลนานก็ไม่ได้ (เจ้าเหม็ดเล่นตำแหน่ง Pivot หรือตัวเป้าที่ต้องชนกับกองหลังร่างยักษ์แน่นอน) ซึ่งผมก็รู้ว่าต้องหาวิธีปรับตัวให้ได้ และต้องปรับตัวให้ได้โดยเร็วด้วย แต่ก็คงต้องใช้เวลาเพื่อจะซึมซับและปรับตัว เรียนรู้วิธีที่จะเอาชนะได้เอง”

 

ปัญหาก่อนการเดินทางคือ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีโปรแกรมการแข่งขันตลอด ทำให้ไม่สามารถเตรียมตัวอะไรมากเป็นพิเศษได้ (ปกติแล้วมูฮัมหมัดจะหาเวลาพัฒนาศักยภาพร่างกายที่ศูนย์พัฒนานักกีฬา SportechPro)

 

“ร่างกายก็เตรียมตัวมาระดับหนึ่ง ที่เหลือก็ใจล้วนๆ” สตาร์ฟุตซอลไทยพูดไปหัวเราะไป

 

“แต่ผมคิดว่าไปแล้วจะได้อะไรกลับมาเยอะ เพราะไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ สภาพแวดล้อม เพื่อนร่วมทีม ได้เห็นวินัย ได้เห็นเทคนิค ได้เรียนรู้แท็กติกจากโค้ชที่เป็นโค้ชระดับชั้นนำในยุโรป ซึ่งจะมีสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้ในไทย สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่าจะทำให้ผมพัฒนาขึ้น เอามาต่อยอดได้ในทีมชาติด้วย”

 

นอกจากเรื่องในสนามแล้ว การเดินทางไปครั้งนี้มูฮัมหมัดก็เชื่อว่าจะมีคุณค่าในแง่ของการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน เพราะการต้องห่างบ้านไปไกลเป็นแรมเดือน การต้องใช้ชีวิตอยู่ลำพังไม่ได้มีใครเป็นผู้ช่วย ทุกเช้าที่ตื่นมาคือเรื่องใหม่ในโลกใบใหม่

 

เพราะเจ้าเหม็ดยอมรับว่าครั้งที่ไปสเปนคราวก่อนเขาเกิดอาการโฮมซิก คิดถึงบ้านจับใจ แต่คราวนี้ด้วยวัยที่โตขึ้นพอสมควร หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่น่าจะสะออนเหมือนเดิมแล้ว

 

“แต่ก็ตื่นเต้นอยู่ เพราะถึงตั้งใจว่าจะยากแค่ไหนผมก็จะพยายามทำให้ได้ ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ในปีแรกเลย แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น” ก่อนจะบอกว่า “ผมยังจำความรู้สึกของครั้งที่แล้วได้ ดังนั้นผมไปครั้งนี้มันต้องดีกว่ารอบที่แล้ว ตอนนั้นก่อนไปอย่างห้าว แต่พอไปถึงแล้วพูดก็ไม่รู้เรื่อง ฟังก็ไม่รู้เรื่อง โค้ชสั่งอย่างเราไปทำอีกอย่าง หลายๆ อย่างรวมกันทำให้ผมไม่กล้าแสดงออก กลัวทำผิด

 

“ถ้าเราทลายกำแพงภาษาได้ ผมเชื่อว่านักเตะไทยอยู่ได้” เขากล่าวอย่างมั่นใจ แม้จะยังไม่รู้ว่าคำว่ามั่นใจในภาษาโปรตุเกสหรือสเปนพูดอย่างไรก็ตาม ส่วนเรื่องอาหารการกินแบบฝรั่ง มูฮัมหมัดมั่นใจว่าไม่ใช่ปัญหา

 

“ครั้งที่แล้วผมพกน้ำจิ้มไก่ไปด้วย กลัวไม่ถูกปาก คนในทีมก็ขำกัน แต่ตอนนี้ผมว่าผมไม่มีปัญหา อาหารอะไรที่กินแล้วดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผมกินหมด เพราะผมก็ศึกษาเรื่องของโภชนาการด้วยตัวเอง อาจจะทำได้ไม่เต็มร้อย แต่แค่ 70-80% ก็ถือว่าดีแล้ว มีขอกินอร่อยเพื่อความสุขบ้างนิดหน่อย”

 

คุณูปการของการเดินทางไปครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาแค่คนเดียว แต่อาจเป็นการช่วยเปิดประตูให้แก่นักฟุตซอลรุ่นต่อไปของไทย ที่มีโอกาสจะเดินตามรอยได้ในอนาคต ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มูฮัมหมัดแอบหวังเอาไว้

 

เช่นเดียวกับการที่จะก้าวขึ้นมาแบกรับความหวังของฟุตซอลทีมชาติไทยในฐานะพ่อมดฟุตซอล รุ่นที่ 3 ซึ่งสำหรับตัวเขาแล้วเป็นเหมือนการอวยพรจากทุกคน

 

“ตอนนี้ผมว่าผมยังไม่ถึงระดับพี่ๆ เขา แต่ถ้าทุกคนบอกแบบนั้นผมก็จะเอามันมาเป็นเชื้อเพลิง จุดไฟในตัวให้ผมสามารถไปถึงจุดนั้นให้ได้ ส่วนตัวผมก็ดีใจและเป็นเกียรติที่ได้รับการขนานนามแบบนี้ ผมอยากทำให้ได้ ขึ้นมาแทนพี่ๆ ที่เขาทำไว้ยอดเยี่ยม ผมอยากจะขึ้นไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้”

 

มูฮัมหมัดจะออกเดินทางไปยังประเทศโปรตุเกสในวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ การเดินทางเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เขายอมรับว่ายากที่สุดในชีวิต

 

“เราได้โอกาสแล้ว ไม่เคยมีใครได้โอกาสแบบนี้ ผมต้องทำให้ได้” เขายืนยันปิดท้าย

FYI
  • แม้จะมีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอล แต่มูฮัมหมัดไม่เคยได้เรียนวิชาจากคุณพ่อ เพราะโชคชะตาโหดร้ายที่ทำให้พ่อจากไปตั้งแต่อายุยังน้อยแค่ 3 ขวบเท่านั้น
  • บุคคลสำคัญในชีวิตที่มีส่วนช่วยเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่เหลวไหลบ้างสมัยวัยรุ่นคือ คุณยายที่คอยอยู่เคียงข้างอบรมบ่มนิสัยให้ตลอด ซึ่งทำให้เขาเติบโตมาเป็นคนที่ดีในปัจจุบัน
  • สไตล์การเล่นของเจ้าเหม็ดไม่ใช่สายแพรวพราวเหมือนพ่อมดฟุตซอลรุ่นพี่เสียทีเดียว แต่เป็นตัว Pivot ที่มีความแข็งแกร่ง รวดเร็ว และสัญชาตญาณในการล่าตาข่าย โดยอาศัยความขยัน ทุ่มเท และหมั่นฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาตัวเองเสมอ
  • ผลงานกับทีมฟรีไฟร์ ชลบุรี บลูเวฟ ในศึกฟุตซอลไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 มูฮัมหมัดคว้า 2 รางวัลใหญ่ คือ รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมและรางวัลดาวซัลโวสูงสุด (30 ประตู) ก่อนจะโพสต์อำลาทีมที่อยู่มาด้วย 2 ปี ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
  • การเดินทางไปโปรตุเกสของมูฮัมหมัดได้รับการประสานงานจากหลายฝ่ายที่ยื่นมือช่วยเหลือ รวมถึง TLH โกลบอล ซิติเซน และ Mercan ที่ชำนาญด้านการทำธุรกิจในประเทศโปรตุเกส
  • ศึกฟุตซอลโลกเมื่อปีกลาย มูฮัมหมัดได้รับบาดเจ็บในเกมที่พบกับหมู่เกาะโซโลมอน แต่โชคดีที่อาการบาดเจ็บที่เข่าและข้อเท้าซ้ายไม่ร้ายแรงถึงขั้นเอ็นฉีกขาด
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising