ตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังครองกระแสความร้อนแรงได้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ทั้งในประเด็นของการจัดเก็บภาษีคริปโต ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งวงการกำลังหารือกับหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงประเด็นความเคลื่อนไหวของราคาคริปโตเด่นๆ ในตลาดที่เริ่มหักหัวลง
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ปี 2565 เชื่อว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีเริ่มต้นของ WEB 3.0 ซึ่งเป็นอินฟราสตรักเจอร์หลักๆ ที่จะผลักดันการเติบโตของคริปโต รวมไปถึง NFT และ GameFi
นอกจากนี้ความสนใจจากนักลงทุนสถาบันในตลาดคริปโตก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยจากสัดส่วนรายได้ของ Coinbase ซึ่งเป็น Cryptocurrency Exchange Platform สัญชาติอเมริกัน ปีล่าสุด (2564) พบว่ามีรายได้จากนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% แล้ว จากเมื่อ 8 ปีก่อนที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10%
“ใน 8 ปีแรก เม็ดเงินลงทุนในตลาดคริปโตส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนรายย่อย แต่ในปีที่แล้วสัดส่วนเม็ดเงินลงทุนเริ่มเปลี่ยนไป โดยมีเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันเพิ่มมากขึ้น อย่างใน Coinbase เองก็มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% แต่สัดส่วนตลาดโดยรวมอาจจะลดหลั่นลงมาบ้าง” จิรายุสกล่าว
สำหรับปัจจัยที่จะทำให้ WEB 3.0 เกิดขึ้นในประเทศไทย มาจากกฎระเบียบที่เหมาะสม ความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัล อีโคซิสเต็มต่างๆ และเม็ดเงินลงทุน ในทางกลับกัน หากปัจจัยเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแต่ไม่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการเกิดขึ้นของ WEB 3.0 เช่นกัน
จิรายุสกล่าวเพิ่มว่า ความคืบหน้าล่าสุดของการจัดเก็บภาษีคริปโตนั้น ทางบิทคับฯ ได้รวบรวมความคิดเห็นเสนอต่อสรรพากร และอยู่ระหว่างนัดหารือกับสรรพากรเพิ่มเติม โดยส่วนตัวแล้วมองว่า จากปัจจุบันที่กฎหมายภาษีคริปโตยังมีความไม่ชัดเจน จึงเสนอให้เลื่อนการจัดเก็บภาษีคริปโตไปอีก 2 ปี เพื่อให้มีเวลาในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด
“มองว่าไม่แฟร์กับนักลงทุนที่ต้องทำตามกฎหมายที่มีการตีความออกมาตั้งแต่ยุคก่อน โดยเป็นการตีความที่เร่งรีบและยังไม่ได้มองครบในทุกมิติ กฎหมายภาษีนั้นจึงยังไม่อัปเดต ฉะนั้นมองว่าควรออกกฎหมายให้เหมาะสม ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาศึกษาและปรับปรุงข้อกฎหมายราว 2 ปี” จิรายุสกล่าว