×

นกแอร์ พาที สารสิน หนี้กว่า 6 พันล้านบาท และอดีตที่ไม่อาจย้อนคืน

25.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • หลังจากที่ลาออกจากการเป็นซีอีโอของนกแอร์ไม่นาน พาที สารสิน ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป และอยู่ระหว่างสรรหากรรมการคนใหม่
  • นกแอร์ประสบกับภาวะขาดทุนต่อเนื่อง โดยล่าสุดขาดทุนกว่า 1.6 พันล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบใน 9 เดือนแรกของปีนี้
  • ตระกูลจุฬางกูร กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนกแอร์ในสัดส่วนกว่า 42%

ขึ้นชื่อว่า ‘นก’ ต้องบินขึ้นที่สูงเสมอ แต่คงไม่ใช่กับนกแอร์ปีนี้ที่ขาดทุนย่อยยับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนถึงกว่า 1.6 พันล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 จนสัดส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ ผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น เปลี่ยนตัวซีอีโอ และล่าสุดนกแอร์แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ‘พาที สารสิน’ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป และอยู่ระหว่างสรรหากรรมการคนใหม่ ปิดฉาก ‘CEO Marketing’ ในสไตล์อันลือเลื่องของอดีตนักการตลาดหนุ่มหัวนอกไฟแรงที่น่าจับตาที่สุด พร้อมกับการบ้านข้อใหญ่ของนกแอร์ที่ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนแก้

 

 

จากวันนั้นสู่วันนี้ 13 ปีที่ไม่เหมือนเดิมของนกแอร์

จากการตรวจสอบข้อมูล บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่ารายได้ของนกแอร์เติบโตขึ้นในแต่ละปีด้วยสัดส่วนน้อยกว่าปีละ 10% นับจากปี 2557 ที่ผ่านมา นกแอร์ขาดทุนเกือบ 472 ล้านบาทและติดลบต่อเนื่อง ปี 2559 ขาดทุนเกือบ 2.8 พันล้านบาท และช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ขาดทุนกว่า 1.6 พันล้านบาท สิ่งที่น่ากังวลคือส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบเป็นครั้งแรกถึงกว่า 163 ล้านบาท

 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยผลประกอบการที่น่าเป็นห่วงขนาดนี้ บรรดาเจ้าของเงินคงไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ซึ่งเป็นแรงกดดันที่สำคัญ โดยเฉพาะกับเบอร์ 1 หรือซีอีโอขององค์กรที่ชื่อพาที สารสิน ซึ่งปลุกปั้นนกแอร์ขึ้นมาเมื่อ 13 ปีก่อน และเมื่อกลุ่มตระกูลจุฬางกูรแห่งอาณาจักรชิ้นส่วนยานยนต์ ซัมมิท กรุ๊ป เข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ของนกแอร์ด้วยดีลที่ ‘ไม่ธรรมดา’ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจที่พาทีจะยื่นลาออกจากการเป็นซีอีโอในอีกเดือนถัดมา โดยระบุว่าเป็นคนขอทางบอร์ดเปลี่ยนแปลงเองเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของนกแอร์

 

โฉมหน้าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนกแอร์นับจากวันแรกที่เปิดให้บริการเทียบกับปัจจุบัน หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร แม้การบินไทยจะยังถือหุ้นอยู่ แต่ก็ไม่ใช่สัดส่วนใหญ่อีกต่อไป

 

 

ไม่เหนือความคาดหมายที่บรรดาผู้บริหารทั้งใหม่และเก่าของนกแอร์จะออกมายืนยันว่าไม่มีการทะเลาะหรือขัดแย้งกันแต่อย่างใด ตระกูลจุฬางกูรมาด้วยความตั้งใจที่ดีในการเข้ามาบริหารนกแอร์ หากแต่การถือครองหุ้นในสัดส่วนถึง 42.19% เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ค่อนข้างเบ็ดเสร็จสำหรับการชี้ทิศทางของนกแอร์จากนี้ต่อไป และการที่พาทียื่นลาออกจากกรรมการบริษัทและปิดฉากบทบาทในนกแอร์ครั้งนี้ ผู้ที่ติดตามข่าวธุรกิจคงอดคิดไม่ได้ว่า ‘คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก’ หรือเปล่า? อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความเห็นเพิ่มเติมทั้งจากพาทีและนกแอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับก้าวต่อไปของทั้งนกแอร์ที่ผลประกอบการย่ำแย่ท่ามกลางการแข่งขันของสายการบินราคาประหยัดที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และพาที สารสิน ที่จะเป็นอดีตภาพจำของนกแอร์ เขาเคยประกาศในปีแรกที่เริ่มบริหารนกแอร์ว่าจะทำให้เป็น ‘No Frills Airline’ อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะตัดออกเพื่อลดต้นทุน

 

ไม่มีใครรู้คำตอบในใจของบอร์ดบริหารว่าพาทียังจำเป็นกับนกแอร์อยู่หรือไม่

 

คำตอบที่ไม่ต้องพูดคือ เขาเดินออกจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X