วันนี้ (19 ธันวาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามอิสระ ลงเรือตรวจพื้นที่ป่าชายเลนบางขุนเทียน พร้อม พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และแนวร่วมทำงานการเมืองอิสระ อาทิ ดร.ยุ้ย หรือ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตกลุ่ม New Dem
ชัชชาติ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า มีความเป็นห่วงในพื้นที่ป่าชายเลน และต้องกลับมาดูโครงการของ กทม. ว่าจะสามารถสานต่อในด้านใดได้บ้าง ซึ่งต้องพิจารณาว่าชาวบ้านต้องการในเรื่องไหนบ้าง ซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นธุรกิจควบคู่กันไป
ด้านงานการเมือง พิจิตต ระบุว่า ตนและชัชชาติเคยทำงานร่วมกันมาก่อนตั้งแต่ปี 2554 และรู้จักแนวคิด แนวทางการทำงาน วิธีการทำงาน ที่ตนเองชื่นชมอย่างมากเพราะมีการเข้าถึงปัญหา และดีใจที่จะช่วยเสริมทีมทำให้ กทม. ดีขึ้น และยินดีหากมีแนวร่วมอื่นเข้ามาร่วมทีมด้วย เพื่อเป็นการระดมพลช่วยกันทุกฝ่าย และชัชชาติลงในนามอิสระ จึงไม่มีปัญหาในการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
พิจิตต ยังย้ำว่า งาน กทม. ไม่สามารถทำได้คนเดียว ไม่ใช่ซูเปอร์แมน ซูเปอร์ฮีโร่
ขณะที่ ชัชชาติ ระบุว่า จะมีคนมาร่วมทีมอีกเยอะ และย้ำว่าตนเองทำงานคนเดียวไม่ได้เพราะมีความรู้จำกัด และเห็นว่าควรหยุดความขัดแย้งมาร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้พื้นที่ กทม. เป็นเมืองที่น่าอยู่ระดับโลกได้ และปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเคยทำงานอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ตนได้ออกมากว่า 2 ปีแล้ว และเป็นข้อดีที่ได้ทำงานอิสระ แก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของคนไร้บ้านที่ต้องแก้ปัญหาร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และเรื่องเศรษฐกิจ
ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ชัชชาติ ระบุว่า ตนเองได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2562 และรู้สึกว่านาน ซึ่งรัฐบาลควรมีการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว รัฐบาลควรจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งมองว่าไม่ใช่การตัดคะแนนเสียงกันระหว่างพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และทำให้ประชาชนมีตัวเลือก ซึ่งพรรคก้าวไกลถือว่ามีบทบาทในรัฐสภาที่เข้มแข็ง เป็นธรรมดาของการเลือกตั้ง และเป็นสิทธิทางการเมืองที่เหมือนการแข่งกีฬา
ชัชชาติ ระบุต่อว่า ส่วนตัวไม่ได้มองถึงความคาดหวังในการจะชนะการเลือกตั้ง โดยบอกกับทีมงานว่า ขอให้ทำอย่างเต็มที่ ทำให้สนุก ทำเพื่อประชาชน และถ้าไม่ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะไม่ไปเล่นการเมืองแล้ว ขอเดินหน้าทำธุรกิจและอยู่กับครอบครัว ยืนยันจะลงในนามอิสระ ไม่กลับไปพรรคเพื่อไทยแล้วเช่นกัน เพราะการกลับไปกลับมาประชาชนจะไม่เชื่อใจ
“ไม่เอาการเมืองแล้วครับ แค่นี้ก็พอแล้วครับ ถ้าคนไม่เลือกจะอยู่ต่อได้ไง กลับไปเลี้ยงลูก พอแล้วครับ ผมก็จะอายุ 55 แล้ว เราเหมือนเป็นข้อเชื่อมระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ถ้าตรงนี้เราไม่ทำ เราก็ไปทำอย่างอื่น เราไม่ได้มีความทะเยอทะยานไปถึงการเมืองใหญ่ ผมว่าอันนั้นเหนือความสามารถเรา ถ้าได้จะทำให้ดีที่สุด” ชัชชาติ กล่าวในท้ายที่สุด