ธนาคารกลางตุรกีประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (16 ธันวาคม) ลงมาอยู่ที่ระดับ 14% จาก 15% แม้ว่าเงินเฟ้อในประเทศจะทะยานขึ้นต่อเนื่อง
ธนาคารกลางตุรกีประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยปรับลดลง 1% สู่ระดับ 14% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และนับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในตุรกีที่พุ่งขึ้นทะลุ 20% โดยสูงกว่าระดับเป้าหมาย 5% ที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ถึง 4 เท่า ซึ่งหมายความว่ากำลังซื้อของชาวเติร์กในรูปสกุลเงินลีรา (Lira) จะด้อยค่าลงไปอีก
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน ค่าเงินลีราด้อยค่าลงประมาณ 50% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และกลายเป็นสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุด ท่ามกลางแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่ไม่มั่นใจต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง หลังจากที่ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ได้ปลดผู้ว่าการธนาคารกลางหลายคนก่อนหน้านี้ เพราะยอมไม่สนองนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาล
ทางฝั่งนักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ต่างเรียกร้องให้ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ทบทวนนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้นำตุรกีคนปัจจุบันยังคงยึดมั่นกับหลักคิดที่ว่า ยิ่งอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อก็จะพุ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสวนทางกับหลักการเศรษฐกิจอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อ
ตลาดจึงมองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้จะสร้างความพึงพอใจแก่เออร์โดกันเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของตุรกีได้ประกาศว่า กำลังเข้าแทรกแซงโดยตรงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยขายเงินดอลลาร์เพื่อหนุนเงินลีรา อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ด้านทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศที่ต่ำอยู่แล้ว ทำให้นักวิเคราะห์ต่างพากันตั้งข้อสงสัยในการดำเนินนโยบายทางการเงินเช่นนี้
อ้างอิง: