หุ้นไทยวันนี้ (7 ธันวาคม) ดัชนีเปิดการซื้อในแดนบวก จากนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องราว 18 จุด และแตะจุดสูงสุดที่ 1,606.18 จุด สวนทางมุมมองตลาดที่ส่วนมากเชื่อว่าดัชนีวันนี้จะปรับลดลงต่อเนื่องรับแรงกดดันจากสถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งวานนี้มีการแถลงการณ์ว่าพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศไทย
โดยหุ้นที่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ดังนี้
- KBANK +1.12%
- CPALL +1.71%
- PTT +1.36%
- AOT +2.11%
อย่างไรก็ตาม หลังดัชนีพุ่งขึ้นไปเกือบ 18 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,606 จุด ก็เริ่มมีแรงขายออกมา ทำให้ล่าสุด ณ เวลา 11.10 น. ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1,598 จุด เพิ่มขึ้น 9.92 หรือ 0.62%
ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นผลมาจากนักลงทุนคลายกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ทั่วโลก เนื่องจากเริ่มมีข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า อาการของโอไมครอนไม่รุนแรงและไม่ได้นำไปสู่อัตราการเสียชีวิตในระดับสูง รวมถึงประสิทธิภาพวัคซีนที่เริ่มฉีดกันไปก่อนหน้านี้ก็น่าจะสามารถรับมือกับอาการของโอไมครอนได้ ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หุ้นไทยวันนี้น่าจะเคลื่อนไหวแบบ Sideways โดยมีแนวต้านที่ 1,597/1,607 จุด และแนวรับที่ 1,580/1,572 จุด ซึ่งเป็นไปตามการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์ โดย S&P 500 +1.17% Nasdaq +0.93% เนื่องจากความกังวลต่อโอไมครอนลดลง หลัง นพ.แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาว เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าสายพันธุ์โอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง อาจสะท้อนว่า แม้จะแพร่ระบาดได้รวดเร็ว แต่ไม่รุนแรงถึงชีวิต ทำให้ลดแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นเด่น +4.58% สู่ระดับ 73.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งทางฝั่งน้ำมันได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่ซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบประจำเดือนมกราคมในเอเชียและสหรัฐฯ สะท้อนว่าความต้องการใช้น้ำมันยังแข็งแกร่ง เป็นแรงหนุนบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
สำหรับปัจจัยในประเทศที่จะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวหุ้นไทยวันนี้
- การพบผู้ติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 1 ราย ขณะที่ปัจจุบันภาครัฐกำลังเร่งตามหานักท่องเที่ยวที่มาจากกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจเชื้อเพิ่ม ทำให้ต้องจับตาว่าจะเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างหรือไม่
- ศบศ. เห็นชอบ 4 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นจูงใจนักลงทุนต่างชาติ คือ
- Long-term resident visa: LTR ที่ได้มีการอนุมัติในหลักการไปก่อนหน้านี้
- Cloud Service และ Data Hosting Services
- ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ
- ส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่ม ICT และนิคมอุตสาหกรรม