การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสร้างความหวาดวิตกไปทั่วโลก หลายคนกลัวว่าอาจซ้ำรอยสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล
อย่างไรก็ตาม เรายังมีข้อมูลน้อยมากที่จะบ่งชี้ว่าวัคซีนที่มีอยู่สามารถต้านทานไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้ดีเพียงใด ซึ่งยังต้องรอผลการทดลองในห้องแล็บของนักวิทยาศาสตร์และบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอีก 2-3 สัปดาห์
แต่เบื้องต้นไปดูกันว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิทยาศาสตร์จากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนหลักอย่าง Pfizer-BioNTech, Moderna และ Merck มีความเห็นเกี่ยวกับวัคซีนหรือยาที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างไร และมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเป็นตัวกำหนดว่าบริษัทยาจำเป็นต้องพัฒนาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ภาพ: Getty Images
มิคาเอล ดอลสเตน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Pfizer เผยกับ Insider ว่า ทางบริษัท Pfizer กำลังเตรียมการรับมือหากเกิดกรณีเลวร้ายที่สุด ซึ่งหมายถึงการที่ต้องผลิตวัคซีนใช้สำหรับเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะ แต่เวลานี้ดอลสเตนกำลังติดตามสององค์ประกอบสำคัญเพื่อหาคำตอบภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
องค์ประกอบแรกคือ ดูว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถต้านทานโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ดีเพียงใด โดยข้อมูลก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาและโอไมครอนสามารถลดระดับการป้องกันของวัคซีนได้ แต่โอไมครอนอาจน่ากังวลกว่า เนื่องจากมีการกลายพันธุ์บนโปรตีนส่วนหนามมากกว่า
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าโอไมครอนจะลดระดับภูมิคุ้มกันของมนุษย์ลง ซึ่งผลการทดลองในห้องแล็บจะช่วยไขคำตอบว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถทำให้ระดับภูมิคุ้มกันลดลงมากแค่ไหน โดยคาดว่าผลการทดลองจะออกมาภายในสัปดาห์หน้าหรือ 2 สัปดาห์
ดอลสเตนให้ความเห็นว่า หากแอนติบอดีลดลง 10 เท่าอาจบ่งชี้ว่าวัคซีนที่มีอยู่ในเวลานี้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องพัฒนาและฉีดวัคซีนสำหรับโอไมครอนโดยเฉพาะ แต่ดอลสเตนแนะนำว่าวิธีป้องกันที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือรับวัคซีนหรือฉีดเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนที่มีอยู่ไปก่อน
หากผลการศึกษาพบว่าระดับการป้องกันไวรัสลดลงมาก ก็ยังต้องดูองค์ประกอบที่ 2 ด้วย ว่าเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกแซงหน้าสายพันธุ์เดลตาหรือไม่ ซึ่งข้อนี้ดอลสเตนมองว่าเราน่าจะได้คำตอบในเดือนธันวาคม
โดยหากโอไมครอนกลายเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดมากที่สุดในโลก ก็หมายความว่าจำเป็นต้องผลิตวัคซีนใหม่เพื่อกระจายไปทุกประเทศ แต่หากสายพันธุ์นี้หายไปหรือไม่อาจแซงหน้าสายพันธุ์เดลตาได้ ก็อาจไม่จำเป็นต้องผลิตวัคซีนใหม่เพื่อใช้ในวงกว้าง
ดอลสเตนกล่าวว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะทราบว่าโอไมครอนมีความสามารถในการแพร่ระบาดได้เหมือนกับเดลตาที่กลายเป็นสายพันธุ์ระบาดใหญ่ หรือเหมือนกับสายพันธุ์เบตาที่เริ่มค้นพบในแอฟริกาใต้ แต่สุดท้ายกลายเป็นโรคระบาดท้องถิ่น และหายไปไม่มากก็น้อย
ก่อนหน้านี้ สกอตต์ กอตต์ลีบ ผู้อำนวยการ Pfizer และอดีตผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ปัจจุบันมีความเชื่อมั่นในแวดวงวัคซีนว่าการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มจะช่วยป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้ค่อนข้างดี
อูกูร์ ซาฮิน ผู้ร่วมก่อตั้ง BioNTech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมัน พร้อมนักวิทยาศาสตร์หลายคนให้ความเห็นว่า ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนอาจสามารถระบาดในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาเชื่อว่าวัคซีนยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงของโรคได้
ซาฮินแนะนำว่าอย่าตื่นตระหนก และขอให้ประชาชนรีบฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันไว้ก่อน ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทำงานร่วมกับผู้ผลิตวัคซีนหลัก เพื่อติดตามผลการทดลองในห้องปฏิบัติการว่าวัคซีนที่มีอยู่มีประสิทธิภาพในการต้านทานไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้ป่วยจะเปิดเผยด้วยว่า ผู้ติดเชื้อโอไมครอนแม้ฉีดวัคซีนแล้วมีอาการเล็กน้อยไปจนถึงป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลมากน้อยแค่ไหน
ซาฮินกล่าวว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดในวงกว้างในปัจจุบัน มีความสามารถในการระบาดในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังแสดงอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สเตฟาน แบนเซล ซีอีโอของ Moderna ให้สัมภาษณ์ Financial Times เตือนว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจมีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่อเจอกับสายพันธ์ุโอไมครอน นอกจากนี้ยังมองว่าบริษัทยาหลายแห่งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการผลิตวัคซีนที่ใช้สำหรับสายพันธุ์โอไมครอนในจำนวนมาก
ผู้บริหาร Moderna กล่าวว่า การกลายพันธุ์หลายตำแหน่งบนโปรตีนส่วนหนาม ซึ่งเป็นส่วนที่ไวรัสใช้จับกับเซลล์มนุษย์ บวกกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโอไมครอนในแอฟริกาใต้นั้นอาจเป็นปัจจัยให้ต้องพัฒนาวัคซีนใหม่จากที่มีอยู่ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม แบนเซลระบุว่า เวลานี้ยังไม่แน่ชัดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงมากแค่ไหน ซึ่งเรายังต้องรอข้อมูลต่อไป แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ Moderna พูดคุยด้วยนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไม่ใช่เรื่องดี
บริษัท Merck & Co. ผู้ผลิตยาเม็ดต้านโควิดโมลนูพิราเวียร์ ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ว่ายาโมลนูพิราเวียร์อาจมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ โดยดูจากกลไกของการรักษาและข้อมูลพันธุกรรมไวรัส
โดยแถลงการณ์ของ Merck เผยว่า บริษัทไม่ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างเฉพาะเจาะจงในเรื่องประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ที่มีต่อเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ายาโมลนูพิราเวียร์นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา แกมมา และมิว
จากการศึกษาพบว่า ยาโมลนูพิราเวียร์นั้นช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้กว่า 30% สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรงและอาการปานกลาง
ขณะที่ Merck ได้ยื่นขออนุมัติการใช้งานยาโมลนูพิราเวียร์ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ได้มีการจัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องการใช้งานยาโมลนูพิราเวียร์ และมีข้อแนะนำให้สนับสนุนการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในการรักษาผู้ติดเชื้อกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง
Sinovac หนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโควิดสัญชาติจีน แสดงความเชื่อมั่นว่าบริษัทสามารถผลิตวัคซีนที่จะใช้ป้องกันโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในจำนวนมากและรวดเร็วได้ หากมีความจำเป็น ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการอนุมัติโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีหลักฐานพิสูจน์ว่าวัคซีนที่พัฒนาขึ้นใหม่เป็นสิ่งจำเป็น
บริษัทระบุว่า การศึกษาที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องแล้วเสร็จ และมีการอนุมัติใช้งานวัคซีนใหม่ตามกฎระเบียบ มันยังเร็วไปที่จะบอกว่าเวลานี้จำเป็นต้องพัฒนาและผลิตวัคซีนสำหรับไวรัสสายพันธุ์นี้โดยเฉพาะ
Sinovac เผยด้วยว่ากำลังติดตามผลการศึกษาและรวบรวมตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนผ่านทางเครือข่ายพาร์ตเนอร์ทั่วโลก เพื่อดูว่าจำเป็นต้องมีวัคซีนใหม่หรือไม่
อ้างอิง:
- https://www.scmp.com/news/china/science/article/3157730/chinas-sinovac-ready-produce-targeted-omicron-vaccine-if?fbclid=IwAR2HTMjVngWnEAsYJzC34XL09QkMmH6-GW1VmLGGKidVJ9CbSyQd_soy1kk
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-11-30/merck-says-covid-antiviral-likely-to-be-active-against-omicron?sref=CVqPBMVg
- https://www.ft.com/content/27def1b9-b9c8-47a5-8e06-72e432e0838f
- https://www.wsj.com/articles/omicron-unlikely-to-cause-severe-illness-in-vaccinated-people-biontech-founder-says-11638286176
- https://www.businessinsider.com/pfizer-chief-scientist-interview-omicrons-threat-to-vaccines-2021-11