ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2565 ในงาน Thailand 2022 Unlock Value ว่าในปีหน้าการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องจากปีนี้อาจจะเป็นไปได้อย่างช้าๆ เนื่องจากยังมีแรงกดดันเชิงอุปทานในระบบเศรษฐกิจอยู่ ทั้งจากประเทศจีนและสหรัฐฯ ที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก โดยจีนอยู่ระหว่างปิดประเทศทำให้การผลิตอาจจะลดน้อยลง ขณะที่สหรัฐฯ เองกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน
นอกจากนี้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนเป็นหนึ่งปัจจัยที่จะต้องจับตา เพราะอาจกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้หากกระทบกับห่วงโซ่การผลิตของโลก ซึ่งทำให้กระทบต่อภาคการผลิตและราคาสินค้าเป็น Inflation Risk เพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์กำลังเป็นกังวลคือการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ เนื่องจากหากธนาคารกลางประเมินอัตราเงินเฟ้อและตอบสนองผิดพลาด อาจทำให้ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามอย่างรุนแรงทีหลังซึ่งจะกระทบกับตลาดหุ้นมาก
ทั้งนี้ Bank of America คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคุมให้มีการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า 3 ครั้ง เริ่มจากเดือนมิถุนายน 2022 และจะปรับขึ้นอีก 4 ครั้งในปี 2023 รวมเป็น 7 ครั้ง ซึ่งหากปรับขึ้นในอัตราปกติที่ 0.25% ก็เท่ากับว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นถึง 1.75%
ศุภวุฒิกล่าวอีกว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนี้จะกระทบกับลูกหนี้ ซึ่งเศรษฐกิจโลกมีหนี้ทั้งระบบ 300 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ GDP ของโลกอยู่ที่ 100 ล้านล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าเศรษฐกิจโลกมีหนี้ต่อ GDP สูงถึง 300% โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีระดับหนี้สูงที่สุด ซึ่งระดับหนี้ที่สูงนี้อาจจะเป็นอุปสรรคต่อใช้มาตรการทางการคลังได้
ในส่วนของประเทศไทยยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ โดยปัจจุบันมีระดับของหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของ GDP ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนโควิดอยู่ในภาวะที่อ่อนแออยู่แล้ว ทำให้อาจเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคตได้เช่นกัน โดยในไตรมาส 2 ตัวเลขหนี้ครัวเรือนล่าสุดอยู่ที่ 12.7 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตอาจกระทบกับธุรกิจ SMEs ได้ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้ที่เริ่มมีปัญหา (SM) และหนี้ที่เป็น NPL รวมกันถึง 20% ของสินเชื่อ ดังนั้นภารกิจที่สำคัญในปีหน้าคือการเข้าไปช่วย SMEs ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น เพื่อปลดล็อก SMEs ให้เดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม การที่ไทยกำลังเปิดประเทศในช่วงที่ทั่วโลกกำลังกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป ขณะที่จีนเองก็ยังปิดประเทศจากนโยบาย Zero COVID อาจทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยด้วยการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นไปได้ยาก อาจต้องพึ่งการท่องเที่ยวในประเทศแทน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP