‘ซีดานเทิร์น’ สู่โอลด์แทรฟฟอร์ด? จับกระแส ‘ปีศาจแดง’ หากุนซือคนใหม่

ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดออกมา แต่ดูเหมือนสถานการณ์ ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและไม่สามารถปล่อยให้คลาดสายตาได้แม้แต่น้อย

เพราะความพ่ายแพ้ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี ต่อ ‘เพื่อนบ้านจอมโว’ อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้อย่างหมดรูป ซึ่งเป็นอีกเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังระกำทรวงต่อจากการโดนลิเวอร์พูลบุกมาถล่มคาโรงละครแห่งความฝันย่อมทำให้เกิดผลกระทบขึ้นแน่นอน

โดยแม้ในช่วงหลังเกมจะมีการยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าบอร์ดบริหารที่นำโดย เอ็ด วูดเวิร์ด, ริชาร์ด อาร์โนลด์ (ผู้จะเข้ามาแทนที่วูดเวิร์ดในอนาคต) รวมถึงบุคคลสำคัญที่ยังคงทรงอิทธิพลในสโมสรอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะยังให้ความไว้วางใจในตัว โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ทำหน้าที่ต่อไปเหมือนเดิม

แต่ภาพการเดินทางกลับไปพักใจในบ้านเกิดที่ประเทศนอร์เวย์ของกุนซือผู้นี้ – ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งที่เคยทำมาก่อนในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมก็ตาม – ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสข่าวในเวลาต่อมาว่าหรือโซลชาร์จะเริ่มถอดใจ?

จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 พฤศจิกายน) หนังสือพิมพ์ The Sunday Times เป็นสำนักข่าวแรกที่รายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ดได้เริ่มต้นติดต่อ ซีเนอดีน ซีดาน ที่ว่างงานหลังอำลาเรอัล มาดริดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้วมารับตำแหน่ง

เรื่องนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหนกันแน่?

ซีดานเทิร์นสู่โอลด์แทรฟฟอร์ด?

ตามรายงานจาก The Sunday Times มีการระบุว่าแมนฯ ยูไนเต็ดได้เดินหน้าในการทาบทามกุนซือฝรั่งเศสให้มารับตำแหน่งต่อจากโซลชาร์ที่ผลงานในฤดูกาลนี้ทำได้สวนทางกับความคาดหวังที่สูงลิบจากแฟนบอลมาก

ข้อความสำคัญที่สุดในรายงานข่าวคือการระบุว่าครอบครัวเกลเซอร์ในฐานะเจ้าของสโมสร ‘ไม่พอใจ’ กับผลงานของโซลชาร์ในเวลานี้ทั้งๆ ที่มีการลงทุนเสริมทีมจนเป็นสโมสรที่มีนักฟุตบอลแพงมากที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ตลอดกาล

สำหรับการเกลี้ยกล่อมนั้นฝ่ายบริหารหวังจะใช้ ‘เบร์นาเบว คอนเน็กชัน’ ของอดีตลูกทีมของสุดยอดตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง ราฟาเอล วาราน และ คริสเตียโน โรนัลโด ที่อาจจะมีส่วนช่วยในการเชื้อเชิญให้กุนซือวัย 49 ปียอมรับงานนี้

ปัจจุบันซีดานยังไม่มีสังกัดหลังอำลาเรอัล มาดริดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการยุติชีวิตการคุมทีม ‘ราชันชุดขาว’ คำรบที่ 2 ซึ่งประสบความสำเร็จอยู่บ้าง และหากนับรวมความสำเร็จใน 2 ช่วงที่เป็นนายใหญ่แห่งซานติอาโก เบร์นาเบวแล้ว ‘ซิซู’ ถือว่าทำผลงานได้ไม่ธรรมดา กับการคว้าแชมป์รายการใหญ่อย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ถึง 3 สมัย และลาลีกาได้อีก 2 สมัย

นอกจากเรื่องฝีไม้ลายมือแล้วในเรื่องของบารมีนั้นไม่ต้องพูดถึง เหนือกว่าโซลชาร์อย่างมาก และเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พอจะมีโอกาสในตลาดเวลานี้

อย่างไรก็ดี ตามรายงานแล้วซีดานยังไม่แน่ใจกับโอกาสครั้งนี้ว่าจะเป็นโอกาสที่ดีและเหมาะสมจริงๆ หรือไม่ ในการรับงานคุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ดในช่วงที่สถานการณ์วิกฤต และต้องมารับงานกลางคันในช่วงกลางฤดูกาล

แม้ว่าในการรับงานคุมเรอัล มาดริดของซีดานทั้ง 2 ช่วงก็เป็นการรับ ‘เผือกร้อน’ เช่นกัน ในการคุมทีมต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ และ ซานติอาโก โซลารี ที่ผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจเหมือนกันก็ตาม

แต่ก็เทียบกันลำบาก เพราะที่เรอัล มาดริด ซีดานรู้จักทุกอย่างในสโมสรเป็นอย่างดี แต่กับแมนฯ ยูไนเต็ด เขาต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่จากศูนย์ ไม่นับแรงกดดันและความคาดหวังมหาศาล

หากไม่ใช่ซีดาน?

แต่ซีดานไม่ใช่คนเดียวที่มีโอกาส อีกคนที่ถูกจับตามองอย่างมากคือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่สื่อหลายสำนัก ‘ปั่น’ ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเต็ง

โดย The Express รายงานถึงขั้นระบุว่าร็อดเจอร์สกำลังมองหาบ้านพักในเมืองแมนเชสเตอร์แล้ว ในฐานะเป็นเต็งหนึ่งของกุนซือที่มีโอกาสจะรับงานแทนที่โซลชาร์หากโดนปลดจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้จริง

ในเรื่องฝีไม้ลายมือของกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือไม่เป็นที่กังขาในเรื่องของความสามารถในการสร้างทีม สามารถวางโครงสร้างได้อย่างดี เป็นคนที่เน้นฟุตบอลเกมรุกที่เข้ากับ ‘United Way’ และมีความสำเร็จให้เห็นแล้วกับทั้งกลาสโกว์ เซลติก รวมถึงการยกระดับเลสเตอร์ ซิตี้ให้กลายเป็นทีมชั้นดีของวงการฟุตบอลอังกฤษ ถึงขั้นคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ด้วยการล้มทีมแกร่งอย่างเชลซีได้ในฤดูกาลที่แล้ว

ปัญหาคือร็อดเจอร์สคืออดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ด้วยสำหรับแฟนเรดอาร์มี หากจะต้องเห็นอดีตกุนซือทีมคู่แข่งมาเป็นนายใหญ่แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งถือเป็นการเสียหน้าอยู่ไม่ใช่น้อย

หากหลุดจากร็อดเจอร์สไปคนที่จริงๆ แล้วเหมาะสมที่สุดคือ เมาริซิโอ โปเชตติโน อดีตเป้าหมายอันดับหนึ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ดหมายมั่นปั้นมือมายาวนานหลายปีแล้ว แต่ดวงชะตาคลาดกันตลอด

ปัจจุบันกุนซือชาวอาร์เจนไตน์นั่งแท่นคุมปารีส แซงต์ แชร์กแมงอยู่ และปกติแล้วเปแอสเชจะไม่ยอมเสียหน้าด้วยการโดนใคร ‘ดูด’ ทรัพยากรบุคคลของทีมไปง่ายๆ (เหมือนเช่นที่ไม่ยอมให้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ย้ายไปเรอัล มาดริด ต่อให้อาจจะเสี่ยงต่อการเสียตัวไปแบบฟรีๆ ก็ตาม)

ดังนั้นโอกาสที่โปเชตติโนจะกลับมาพรีเมียร์ลีกเป็นเรื่องที่ยาก และอาจจะเป็นไปได้แค่ทางเดียว คือการทำผลงานกับเปแอสเชย่ำแย่เกินไปจนทำให้สโมสรตัดสินใจปลดจากตำแหน่ง แต่หากดูจากสถานการณ์เวลานี้แล้วโอกาสเป็นไปได้น้อย

บทพิสูจน์ฝีมือบอร์ดบริหาร

แต่จะอย่างไรก็ตามนี่คือช่วงเวลาวัดฝีมือของบอร์ดบริหารแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง

เพราะเวลานี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาคือฝ่ายเดียวที่ยังหนุนหลังโซลชาร์อยู่ ขณะที่นักเตะในทีมมีอาการ ‘ไม่มั่นใจ’ ในฝีมือของกุนซืออย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมา ว่าจะมีความรู้ความสามารถในการพาทีมก้าวไปประสบความสำเร็จได้ในอนาคต ซึ่งเป็นคนละเรื่องอย่างสิ้นเชิงกับการกอบกู้ประคับประคองทีม นำความรู้สึกดีๆ กลับมา ที่ต้องยอมรับว่าโซลชาร์ทำได้ดีในช่วง 2 ปีแรกในตำแหน่ง

ไม่นับเสียงจากแฟนบอลที่สะท้อนออกมาผ่านการโห่ใส่อย่างหนักในช่วงพักครึ่งของเกมที่พบกับลิเวอร์พูลและแมนฯ ซิตี้

การโห่ของแฟนบอลนั้นไม่ได้แปลว่าพวกเขาเกลียดอดีตฮีโร่ หากแต่พวกเขาต้องการให้โซลชาร์ไปเสียดีกว่า เพราะชัดเจนว่าเขาไม่ดีพอสำหรับการพาทีมไปข้างหน้าเวลานี้ ส่วนที่พาทีมประกอบร่างกลับมาได้จนมีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้นั้นเป็นสิ่งที่แฟนบอลทุกคนขอบคุณอยู่เสมอในใจ

ในสถานการณ์นี้จึงอยู่กับบอร์ดบริหารแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก เพราะสถานะของโซลชาร์ในสโมสรก็ถือเป็นตำนานยอดขวัญใจคนหนึ่ง แต่เมื่อมองไปยังสโมสรอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีกที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วหากมองเห็นทิศทางแล้วว่าทีมจะดำดิ่ง จนทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในทีมวัตฟอร์ด, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, นอริช ซิตี้ และแอสตัน วิลลา

นี่คือนาทีวัดใจบอร์ดปีศาจแดงอย่างแท้จริงว่าพวกเขาจะนำสโมสรฝ่าวิกฤตได้อย่างไร

ที่ผ่านมาบอร์ดบริหารเองถึงจะมีข่าวว่าสนับสนุนโซลชาร์แต่ก็ยัง ‘กั๊ก’ ไม่มีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบอร์ดบริหารเองก็ยังไม่ได้ไว้วางใจเต็มร้อย เพียงแต่ปัญหาคือการหาคนมาแทนที่ยาก และสโมสรเองก็เพิ่งจะตบรางวัลผลงานการพาทีมเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้วด้วยสัญญาใหม่ 3 ปี (รวมถึงต่อสัญญากับ ไมค์ ฟีแลน ทีมหลังบ้านคนสำคัญ)

สถานการณ์วิกฤตแบบนี้ ความไม่ชัดเจนและการไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาดจะยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เหมือนที่พวกเขาพลาดการได้ตัว อันโตนิโอ คอนเต ที่สุดท้ายรอไม่ไหวรับข้อเสนอจากสเปอร์ส

และต่อให้โซลชาร์พาทีมกลับมาคว้าชัยชนะได้ในช่วงหลังจากนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหานี้จะจบไป

เพราะทั้งชัดเจนและชัดแจ๋วว่าสุดท้ายทุกอย่างจะวนกลับมาที่เดิม เพิ่มเติมคือความมั่นใจที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ

ยกเว้นเสียแต่โซลชาร์จะค้นพบคำตอบอะไรบางอย่างระหว่างการกลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิด และสามารถนำทีมกลับมาเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่องเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งดูแล้วเป็นซีนาริโอที่ดูแล้วเกิดขึ้นได้ยากที่สุดท่ามกลางซีนาริโอมากมาย

อ้างอิง: