ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลีบัน ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน) ประกาศห้ามการใช้สกุลเงินต่างประเทศในอัฟกานิสถาน โดยถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่คาดว่าจะส่งผลกระทบมากขึ้นต่อเศรษฐกิจของอัฟกานิสถานที่เข้าใกล้ภาวะล้มละลาย จากการถอนการช่วยเหลือของนานาชาติอย่างกะทันหัน
“รัฐอิสลามมีคำสั่งให้พลเมือง เจ้าของร้าน พ่อค้า นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป ดำเนินธุรกรรมทั้งหมดในอัฟกานิสถาน และงดเว้นการใช้สกุลเงินต่างประเทศอย่างเคร่งครัด” มูจาฮิดระบุในแถลงการณ์ พร้อมทั้งเตือนว่า “ผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะเผชิญการดำเนินการทางกฎหมาย”
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาอัฟกานิสถานใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างแพร่หลายในเมืองต่างๆ ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนจะใช้สกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ปากีสถาน ในการค้าขาย
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังรัฐบาลอัฟกานิสถานชุดใหม่ภายใต้การควบคุมของตาลีบัน กำลังกดดันให้สหรัฐฯ ชาติยุโรป ธนาคารโลก และ IMF ยกเลิกการอายัดเงินสำรองและสินทรัพย์ของธนาคารกลางอัฟกานิสถานจำนวนมากกว่า 9.5 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งก่อนหน้านี้มูจาฮิดออกมาเตือนว่าการที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกไม่ยอมรับรัฐบาลชุดใหม่ของอัฟกานิสถานและยังคงอายัดเงินของอัฟกานิสถาน อาจส่งผลกระทบไม่เพียงแค่ในอัฟกานิสถาน แต่อาจเป็นปัญหาลุกลามไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก
ขณะที่กระทรวงการคลังอัฟกานิสถานเผยว่า ปัจจุบันสามารถจัดเก็บภาษีได้เฉลี่ยวันละประมาณ 400 ล้านอัฟกานี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 146 ล้านบาท ซึ่งธนาคารกลางอัฟกานิสถานชี้ว่า รัฐบาลอัฟกานิสถานต้องการเงินงบประมาณเดือนละ 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อควบคุมสกุลเงินท้องถิ่นและราคาสินค้าในประเทศให้มีเสถียรภาพ และป้องกันการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตด้านมนุษยธรรม จากภาวะอดอยากและขาดแคลนอาหารขั้นรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านคน โดยผลที่ตามมาอาจก่อให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ของชาวอัฟกานิสถาน ซึ่งชาติยุโรปจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ทั้งนี้ ประกาศของกลุ่มตาลีบันมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงและระเบิดโจมตีโรงพยาบาลกองทัพที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในกรุงคาบูล ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 19 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน
ภาพ: Photo by Haroon Sabawoon/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: