วันนี้ (1 พฤศจิกายน) ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองกล่าวถึงมาตรา 112 ว่า ในส่วนของพรรคชัดเจน พรรคไม่มีนโยบายที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื้อหาสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวนั้นไม่ได้ไปสร้างความเสียหายและความไม่เป็นธรรมให้กับใคร ต้องมองที่การกระทำของบุคคลมากกว่าตัวบทกฎหมาย หากมีการกระทำที่เป็นความผิดก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย และเป็นการกระทำความผิดส่วนตัว ไม่ใช่กฎหมายมีปัญหา ความคิดและการกระทำของคนต่างหากที่มีปัญหา เมื่อมีการก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผิดถูกก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และชัดเจนมาตรา 112 ไม่ได้ขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมหรือรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะขัดใจผู้คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง หากมีการยื่นร่างแก้ไขมาตรา 112 ต่อรัฐสภา พรรคพร้อมค้านเต็มที่ พรรคการเมืองใดยื่นแก้ไข ให้กลับไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ดี ที่ได้เคยวินิจฉัยอธิบายความสำคัญของมาตรา 112
ราเมศกล่าวอีกว่า มาตรา 112 ไม่ได้เป็นปัญหาตามที่มีผู้บิดเบือน การเสนอแก้มาตรา 112 ต่อสภาฯ พรรคการเมืองไหนใครอยากทำก็ไม่มีใครห้ามได้ ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เรามีหลักการชัดคือ ยึดมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่มีแนวคิดในการยกเลิก ยื่นเข้าสภาเมื่อใด ก็ต้องสู้กัน เราสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
“ที่อ้างว่าเพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก และเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย เป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น ทำไมไม่พูดถึงการกระทำของคนทำผิดไม่ต่างจากแนวความคิดในการนิรโทษกรรมให้คนทำผิดเช่นที่ผ่านมา ความคิดและการกระทำที่ดีไม่ควรกลัวกฎหมาย เช่นกัน หากคิดไม่ดีนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายก็ต้องกล้าหาญยอมรับผล อย่าขี้ขลาดตาขาว หลักการความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อน พรรคการเมืองและนักการเมืองมืออาชีพจะรู้หลักการพื้นฐานนี้ดี” ราเมศกล่าว
ราเมศกล่าวต่ออีกว่า ประชาชนควรจับตาพรรคการเมืองต่างๆ ให้ดี การกระทำย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนา เชื่อว่าประชาชนจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเช่นนั้นอย่างแน่นอน