หลังจาก Apple เปิดตัว MacBook Pro ไปแล้ว มีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก นั่นคือผ้าทำความสะอาดหน้าจอที่มีโลโก้ของแบรนด์ Apple แกะสลักไว้อยู่ที่มุมผ้า โดยผ้านี้ตั้งราคาอยู่ที่ 19 ดอลลาร์ ซึ่งราคาไทยถูกตั้งไว้ที่ 690 บาท
Apple ระบุว่าผ้าชนิดนี้สามารถใช้ทำความสะอาดได้ตั้งแต่ iPhone 6 และ Mac รุ่นปี 2012 เป็นต้นไป โดยผ้านี้ทำจากวัสดุที่ไม่กัดกร่อนและเป็นวัสดุที่กำลังขาดตลาดอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการจัดส่ง 3-4 สัปดาห์
หากดูผ้าชนิดคล้ายกันนี้ใน Amazon.com อย่างผ้าไมโครไฟเบอร์ระดับพรีเมียม มีราคาเพียงชิ้นละ 1.50 ดอลลาร์ หรือ 50 บาทเท่านั้น การตั้งราคาเท่านี้ของ Apple ทำให้ผ้าขัดเงาใหม่ของ Apple กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำสัดส่วนกำไรได้มากที่สุดผลิตภัณฑ์หนึ่ง
ซึ่งหากดูจากการตั้งราคาที่ผ่านมาหลาย 10 ปีของ Apple ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ผลักดันขอบเขตราคาด้วยผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เสริมของบริษัทมากมายอย่าง iPhone เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มีราคาราว 1,000 ดอลลาร์ (ราว 33,000 บาท) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา iPhone ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น พร้อมกับลากจูงอุตสาหกรรมมือถือที่เหลือให้มีราคาขึ้นมาด้วย
และในปี 2019 Apple ได้เปิดตัว Mac Pro โดยในรุ่นที่มีสเปกแรงที่สุดมีราคามากกว่า 50,000 ดอลลาร์ หรือมากกว่า 1.6 ล้านบาท รวมถึงจอภาพ Pro Display XDR ที่มาพร้อมกับเครื่อง Mac วางขายในราคา 4,999 ดอลลาร์ หรือราว 160,000 บาท โดยราคานี้ยังไม่รวมขาตั้ง Pro Stand ที่ Apple ขายอีก 999 ดอลลาร์ หรือราว 33,000 บาท หากซื้อคอมพิวเตอร์ Mac รุ่นที่แรงที่สุดแบบครบชุดจะต้องจ่ายในราคาทั้งหมดถึงราว 1.8 ล้านบาทเลยทีเดียว
และที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว รุ่นสเปกแรงสุดก็มีราคากว่า 6,000 ดอลลาร์ หรือราว 2 แสนบาท เช่นเดียวกับผ้าขัดเงา MacBook Pro นี้จะใช้เวลาจัดส่งนานถึง 4 สัปดาห์ โดย MacBook Pro ที่เพิ่งเปิดตัวนี้ได้รับการตอบรับเชิงบวกทางออนไลน์อย่างล้นหลาม
แต่การกำหนดราคาสูงเกินขอบราคาทั่วไปของ Apple นั้นก็ไม่ได้ผลเสมอไป ในปี 2015 ได้เปิดตัว Apple Watch Edition ในราคา 17,000 ดอลลาร์ หรือราว 560,000 บาท ซึ่งเป็นสมาร์ทวอทช์พร้อมตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต แต่ก็ไม่สามารถดึงเงินจากกระเป๋าของลูกค้าได้ เนื่องจากลูกค้ามองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และจะล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาต่อมา Apple ก็ได้แก้มือ โดยการสร้างสมดุลระหว่างความหรูหราและการใช้งานได้จริงในสินค้าอย่างสมาร์ทวอทช์ โดยย้ายความหรูหราไปลงที่สายนาฬิกาแทน ซึ่งสายนาฬิกาปกติจะเริ่มต้นในราคา 49 ดอลลาร์ (ราว 1,600 บาท) และสายนาฬิกาหรูอย่างรุ่น Hermès Fauve Barénia Gourmette Double Tour ในราคา 849 ดอลลาร์ (ราว 28,000 บาท)
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP