×

เปิดตัว AirPods Gen 3 ‘ไม่อินเอียร์’ ก็อินได้ MacBook Pro ชิปใหม่สุดพลัง M1 Pro และ M1 Max สรุปงานเปิดตัว Apple มีอะไรใหม่บ้าง

19.10.2021
  • LOADING...
Apple

เป็นเวลากว่า 2 ปีเต็มแล้วที่เหล่าสาวกแฟน Apple และผู้ใช้งาน AirPods ต่างก็คาดหวังที่จะได้เห็น Apple เปิดตัวหูฟังไร้สายเจนใหม่ของพวกเขาออกมานอกเหนือจาก AirPods Max ที่ดูจะเป็นหูฟังไร้สายในอีกกลุ่มประเภทการใช้งาน (AirPods Gen 2 เปิดตัว มีนาคม 2019 และ AirPods Pro เปิดตัวตุลาคม 2019 ไม่นับรวม)

 

และในที่สุดข่าวลือก็เป็นไปตามคาด เมื่องาน Apple Event Unleashed ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อวันจันทร์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ Apple ได้เปิดตัวหูฟัง AirPods Gen 3 ของพวกเขาออกมาเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ประจำปีนี้ที่มาพร้อมกับชิป M1 Pro และ M1 Max ที่เคลมว่าทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาตามสไตล์ Apple เช่นเคย

 

แต่รายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์จะน่าสนใจ ยิ่งใหญ่สมการรอคอยแค่ไหน งาน Apple Event ที่เพิ่งจบลงไปมีอะไรใหม่บ้าง เราสรุปข้อมูลที่คุณต้องควรรู้ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

 

Apple

 

  • AirPods Gen 3 มาพร้อมดีไซน์หูฟังแบบใหม่ที่มีลักษณะโค้งมนทำมุมรับเข้ากับลักษณะรูหูของผู้สวมใส่มากยิ่งขึ้น และไม่ใช่หูฟังแบบอินเอียร์ (In-ear) เทียบง่ายๆ คือมีรูปโฉมคล้าย AirPods Pro แต่บริเวณหูฟังคล้าย AirPods Gen1-2 ทั่วไป
  • ตัวก้านสั้นคล้ายกับ AirPods Pro แต่มีเซ็นเซอร์รองรับแรงกดแบบเดียวกับ AirPods Pro (เปลี่ยนจากการควบคุมบริเวณหูฟังแบบเดิมใน Gen 2 มาอยู่ที่บริเวณก้านแทน)
  • กันน้ำ กันเหงื่อระดับ IPX4
  • มาพร้อมกับ Low-Distortion Driver ช่วยขับพลังเสียงที่มีชีวิตชีวา ใส เบสหนักจัดเต็ม รองรับการแสดงผลเสียงแบบรอบทิศทาง Spatial Audio และ Dolby Atmos
  • มีไมโครโฟนแบบบีมฟอร์มมิงช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างออก และโฟกัสเสียงของผู้ใช้เพื่อช่วยให้เสียงการสนทนาและเสียงการฟังคอนเทนต์ต่างๆ ชัดเจนขึ้น
  • มี Adaptive EQ เช่นเดียวกับ AirPods Pro ที่สามารปรับการแสดงผลคลื่นความถี่ของเสียงให้เหมาะสมกับการฟังเสียงเพลงหรือคอนเทนต์ประเภทต่างๆ ได้
  • แบตเตอรี่อึดขึ้นจากรุ่นก่อน 1 ชั่วโมง (ใช้ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง และคุยได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมง) โดยเคลมว่าชาร์จแค่ 5 นาที แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง และสามารถใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง พร้อมเคสชาร์จรองรับการชาร์จด้วย MagSafe แล้ว
  • สนนราคาจำหน่ายที่ 6,790 บาท เปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกสัปดาห์หน้า (กำหนดการไทยต้องตรวจเช็กกับ Apple ประเทศไทยอีกครั้ง)
  • ปรับราคาจำหน่าย AirPods Gen 2 ลงมาอยู่ที่ 4,990 บาท

 

Apple

 

  • MacBook Pro ใหม่ มาพร้อมกับขนาดจอให้เลือก 2 ขนาด คือ 14 นิ้ว เป็นขนาดใหม่ (เพิ่มขึ้นจากเดิม 1 นิ้วที่ไซส์จอ 13 นิ้ว โดยที่ขนาดจริงจะอยู่ที่ 14.2 นิ้ว) และ 16 นิ้ว (ขนาดจริงคือ 16.2 นิ้ว) วัสดุตัวเครื่องแบบอะลูมิเนียม ขนาดความหนา 15.5 มม. หนัก 1.5 กก. (14 นิ้ว) และหนา 16.8 มม. หนัก 2.1 กก. (16 นิ้ว) มาให้เลือกพร้อมกันสองสีคือ เงิน และเทาสเปซเกรย์
  • จุดขายคือมาพร้อมชิปแบบใหม่ทรงพลังทั้งสองแบบคือ M1 Pro (ท็อปธรรมดา ไม่เท่า Max) และ M1 Max (ท็อปสุด)
  • M1 Pro – ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 3.37 หมื่นล้านตัว มากกว่า M1 ราว 2 เท่า เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 2 เท่า และเร็วกว่ากราฟิกในตัวของชิปแล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดแบบ 8-Core สูงสุด 7 เท่า / มาพร้อม CPU แบบ 10-Core ใหม่ ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 2 คอร์ / GPU สูงสุด 16 คอร์ เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 2 เท่า และเร็วกว่ากราฟิกในตัวของชิปแล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดแบบ 8-core สูงสุด 7 เท่า แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า 70%
  • M1 Max – ชิปที่ใหญที่สุดที่ Apple เคยสร้างมา ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 5.7 หมื่นล้านตัว มากกว่า M1 Pro 1.7 เท่า และมากกว่า M1 เดิม 3.5 เท่า มาพร้อม CPU แบบ 10-core / GPU เพิ่มมาสูงถึง 32 คอร์ (สูงกว่า M1 Pro เทาตัว) จึงมีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 4 เท่า ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GPU ระดับไฮเอนด์ในแล็ปท็อป PC ระดับโปร แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 40% มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU ระดับไฮเอนด์รุ่นสูงสุดในแล็ปท็อป PC ขนาดใหญ่สุด แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 100 วัตต์ / เรนเดอร์ไทม์ไลน์ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 13 เท่าเมื่อเทียบกับ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นก่อน
  • หน้าจอแบบ Liquid Retina XDR Display รองรับการแสดงผลแบบ XDR (Extreme Dynamic Range) ให้ความสว่างสูงสุดที่ 1,600 นิต แสดงผลได้ 1 พันล้านสี มาพร้อม True Tone และ ProMotion ที่ให้อัตราการแสดงผลแบบ Adaptive Refresh rate สูงถึง 120Hz
  • ขอบจอบางลงจากเดิม 24% ขยายจอด้านบนให้กว้างขึ้น 3.5 มม. หรือบางลง 60% แต่แรกมาด้วยรอยบากบริเวณกล้องหน้าของตัวเครื่อง 
  • กล้องหน้า FaceTime HD รองรับความคมชัด 1080P รูรับแสงกว้างขึ้นเป็น f/2.0 เซ็นเซอร์รับแสงดีขึ้น ช่วยให้ถ่ายภาพที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม 2 เท่า ทำงานคู่กับแมชชีนเลิร์นนิง ช่วยให้แสดงผลภาพ สี ได้คมชัดเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
  • รุ่น 14 นิ้ว หน่วยความจำ RAM เริ่มต้นที่ 16GB (อัปได้สูงสุดเป็น 64GB เฉพาะใน M1 Max) ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุเริ่มต้นที่ 512GB (เพิ่มเป็น 1TB, 2TB, 4TB หรือ 8TB ได้) และสำหรับรุ่น 16 นิ้ว ตัวจัดเก็บข้อมูล SSD ความจุเริ่มต้น 1TB (เพิ่มเป็น 2TB, 4TB หรือ 8TB ได้เช่นกัน)
  • ระบบเสียง 6 ลำโพง มีทวีตเตอร์ 2 ตัวเพื่อสร้างมิติเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น 4 ตัวที่เพิ่มเสียงเบสอีก 80% รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง Spatial Audio ไมค์คุณภาพระดับเดียวกันกับสตูดิโอ ลดเสียงรบกวนดีขึ้น 60%
  • ตัด Touch Bar ที่คีย์บอร์ดออกแล้ว และกลับมาใช้ปุ่มกด F1-F12 พร้อมคีย์ลัดแบบดั้งเดิมแทน โดยที่ทั้งตัวแป้นพิมพ์และพื้นหลังจะใช้เป็นสีดำทั้งหมด (เดิมเป็นดำ พื้นหลังเป็นอะลูมิเนียมสีบอดี้เครื่อง) เพื่อเพิ่มความหรูหราแต่ยังมี Touch ID เพื่อเพิ่มความสะดวกเช่นเคย
  • ใช้ดีไซน์การออกแบบภายในใหม่เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าเดิม 50% แม้ในสภาวะที่พัดลมหมุนรอบความเร็วต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รันกราฟิกหนักๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ตัวเครื่องรันพัดลมตลอดเวลาทั้งวัน
  • เพิ่มช่อง HDMI, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ช่องชาร์จแบต Magsafe และช่องเสียบ SD Card กลับเข้ามาแล้ว มีช่อง Thunderbolt 4 Ports USB-C รวมทั้งหมด 3 ช่อง
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 21 ชั่วโมง รองรับชาร์จเร็วจาก 0-50% ภายใน 30 นาที
  • MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท ส่วน MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ 89,900 บาท  
  • MacBook Pro พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max จะเปิดให้สั่งซื้อบน apple.com/th/store และแอปฯ Apple Store และวางจำหน่ายที่ร้าน Apple Store บางสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Apple ในเร็วๆ นี้ 

 

Apple

 

  • เพิ่มสีใหม่คือ น้ำเงิน เหลือง และส้ม 
  • ถ้าไม่นับรวมสีใหม่ ภาพรวมสเปกและดีไซน์ตัวลำโพงอัจฉริยะนี้ไม่ได้มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นไปจากเดิม (ย้อนอ่านข้อมูลของ HomePod mini ได้ที่ ‘สรุปงานเปิดตัว iPhone 12 รองรับ 5G สีใหม่ Pacific Blue น้องจิ๋ว ‘Mini’ ก็มา’)
  • สนนราคาเริ่มต้น 99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,300 บาท (ไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ)
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising