เห็นทีมบาร์เซโลนาในวันนี้แล้ว หากจะให้พูดแบบคำแสลงที่พูดกันติดปากช่วงนี้คิดออกอยู่คำเดียวครับคือ “สภาพพพ”
ดูไม่จืดจริงๆ กับความพ่ายแพ้ต่อเบนฟิกาขาดลอยถึง 0-3 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้เกมที่ 2 ติดต่อกันแล้วในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หลังจากที่โดนบาเยิร์น มิวนิก ถล่มคาคัมป์นูมาในเกมแรกด้วยสกอร์เดียวกัน
ความพ่ายแพ้ในเกมนี้นำไปสู่แรงกดดันมหาศาลภายในสโมสรครับ แน่นอนว่าคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ โรนัลด์ คูมัน โค้ชผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นยอดขวัญใจคนหนึ่งของชาวบาร์เซโลนิสตา ในฐานหนึ่งในขุนพลชุด ‘ดรีมทีม’ ภายใต้การนำของ โยฮัน ครอยฟ์
ข่าววันนี้ (30 กันยายน) บอกว่า มีโอกาสที่คูมันจะถูกปลดจากตำแหน่งทันที โดยจะมีการเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อตัดสินใจเรื่องนี้ ซึ่งในขณะที่บทความนี้เผยแพร่ มีโอกาสที่อดีตกุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์จะไม่อยู่ในตำแหน่งแล้ว ก็ไม่ต้องแปลกใจแต่อย่างใดครับ
อย่างไรก็ดี คนที่แบกน้ำหนักความกดดันมากที่สุดในเวลานี้อีกคนคือ โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสรที่มีหน้าที่ต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับอนาคตของทีม
เพราะปัญหาในเวลานี้ของบาร์ซาคือ การที่พวกเขามีสถานะทางการเงินที่เลวร้ายในระดับวิกฤตเหนือวิกฤต ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องรับสืบทอดมาจากการบริหารสามานย์ (ขออนุญาตใช้คำนี้) ของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว
ลาปอร์ตาเข้ามารับภาระในการกอบกู้สโมสรที่บอบช้ำ ไม่ต่างอะไรจากการเดินเข้าทุ่งระเบิดที่เหยียบตรงไหนก็ตู้ม
ลำพังหากเป็นภาวะปกติ คูมันน่าจะกระเด็นตกเก้าอี้ไปตั้งแต่ก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ เพราะเขาไม่ใช่คนของลาปอร์ตา ไม่ใช่โค้ชที่ประธานสโมสรแต่งตั้งเองกับมือ แต่เป็นโค้ชที่บาร์โตเมวดึงมาช่วยทีมในภาวะวิกฤตฤดูกาลที่แล้ว
ในเรื่องความสัมพันธ์แล้ว ลาปอร์ตากับคูมันจึงถือว่าไม่สู้ดีนัก และมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นทั้งหน้าฉากและหลังฉากที่แสดงให้เห็นถึงรอยร้าวระหว่างทั้งสอง
ปัญหาคือ การจะปลดใครก็ตามออกจากตำแหน่งน้ัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามกฎหมายคือ การจ่ายเงินชดเชยตามสัญญาที่มีระหว่างกัน ซึ่งสำหรับรายของคูมันนั้นนอกจากเงินชดเชยที่จ่ายให้สมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ (KNVB) เป็นค่าปล่อยตัวมาให้แล้ว หากจะปลดเขาก็จะต้องใช้เงินอีกราว 12 ล้านยูโรด้วยกัน
ที่ยิ่งทำให้รู้สึกแย่สำหรับฝ่ายบริหารบาร์เซโลนาคือ เดิมคูมันต้องการสัญญาชั่วคราวระยะเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น แต่ทางด้านผู้บริหารชุดเก่าเสนอสัญญาให้ในระยะเวลา 2 ปี ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อต่างรู้ดีว่าการมาของอดีตกองหลังพลังช้างสารเป็นการประคองสถานการณ์ประวิงเวลาให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ใช่การมาเพื่อพาทีมก้าวไปข้างหน้าแต่อย่างใด
และแม้เดือนที่แล้วจะมีข่าวว่าลาปอร์ตาพิจารณาที่จะขยายสัญญาให้เพื่ออนาคตที่มั่นคง แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว สัญญาที่คูมันจะได้รับนั้นตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่สำคัญ
นั่นคือเขาจะต้องทำให้ทีมเล่นในแบบบาร์เซโลนาในระบบ 4-3-3 โดยมีเงื่อนไขรองคือ จะต้องใช้นักเตะที่ถูกมองข้ามบางรายอย่าง ซามูเอล อุมติติ และ ริกิ ปุช ให้มากขึ้น
เงื่อนไขตรงนี้ฟังเหมือนดูดีนะครับ แต่หากจะมองแบบคนคิดมากอาจจะเป็นวิธีการที่ลาปอร์ตาใช้ ‘บีบ’ คูมันแบบไม่ต้องพูดอะไรให้เสียน้ำใจ
โดยเรื่องนี้ลาปอร์ตาใช้วิธีการเรียกผู้สื่อข่าวที่ใกล้ชิดสนิทสนมมาพูดคุยด้วย โดยไม่ได้บอกให้คูมันรู้เรื่อง ซึ่งโค้ชชาวดัตช์มารู้ทีหลัง (และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกทำแบบนี้) และไม่พอใจ
บาร์เซโลนาพ่ายต่อเบนฟิกาหมดรูป เป็นการแพ้ 2 นัดติดต่อกันในแชมเปียนส์ลีก
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคืออะไร?
ความพ่ายแพ้ย่อยยับต่อบาเยิร์น มิวนิก คาคัมป์นู ที่นำไปสู่การเปิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างทั้งสอง โดยในขณะที่ลาปอร์ตายืนกรานให้คูมันเล่นในแบบบาร์เซโลนา ฟุตบอลสไตล์ Tiki-Taka (ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่ตำรับเดิมที่ครอยฟ์คิดเสียทีเดยว เป็นสไตล์ที่ลูกศิษย์อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา คิด และนักข่าวเป็นคนตั้งชื่อให้)
แต่คูมันยืนกระต่ายขาเดียวด้วยการบอกว่า ด้วยสภาพทีมตอนนี้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่บาร์เซโลนาจะทำได้แล้ว เพราะหากจะเล่นแบบที่ลาปอร์ตาต้องการ บางทีบาร์ซาอาจจะศพไม่สวยยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้ (เหมือนที่เคยโดนถล่ม 8-2 มาแล้วในฤดูกาล 2019/20)
สำหรับคูมัน เขาพยายามทำงานตามโจทย์ที่ได้รับกับการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างดีที่สุด
อย่าลืมว่านี่คือฤดูกาลแรกที่บาร์เซโลนาใช้ชีวิตโดยไม่มี ลิโอเนล เมสซี คนที่ลาปอร์ตาให้คำมั่นว่าจะทำทุกอย่างเพื่อรั้งตัวไว้ให้ได้ แต่สุดท้ายเป็นคนตัดสินใจบอกตำนานตลอดกาลว่าเขาอยู่กับทีมต่อไปไม่ได้แล้ว และยังปล่อย อองตวน กรีซมันน์ ออกไป เพื่อลดภาระทางการเงินของสโมสร ไม่นับเรื่องคำขอที่อยากให้ผลักดันดาวรุ่งในทีมจากลามาเซียขึ้นมา
สโมสรจะทำอะไรคูมันก็น้อมรับทั้งหมด แต่ทุกอย่างควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย
ความเป็นจริงวันนี้คือ บาร์ซาไม่ใช่โคตรทีมเหมือน 10 ปีที่แล้ว และดูเหมือนผู้เล่นในทีมอย่าง เซร์คิโอ บุสเกตส์ หรือ แฟรงกี เดอ ยอง เองก็ยังให้การหนุนหลังเจ้านายอยู่ โดยยอมรับว่า หากมันจะแย่ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้เล่นด้วย การปลดโค้ชอาจจะไม่ใช่ทางออก
อย่างไรก็ดี ในมุมของลาปอร์ตา ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของผู้รู้ในวงการฟุตบอลสเปนบางคนเชื่อว่า ถึงบาร์ซาจะไม่มีเมสซี ไม่มีกรีซมันน์ และมีดาวรุ่งอายุน้อยหลายคนในทีม แต่มองจากรายชื่อแล้วพวกเขายังมีนักเตะมีระดับอย่าง เคราร์ด ปิเก, บุสเกตส์, จอร์ดี อัลบา รวมถึง เซร์จินโย เดสต์, เดอ ยอง, เอริก การ์เซีย, เมมฟิส เดปาย ไม่นับ เซร์คิโอ อเกวโร ที่ยังไม่ได้โอกาสลงเล่นหลังบาดเจ็บต้องพักยาวตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาล
และนักเตะที่จะเป็นเสาหลักในอนาคตอย่าง เปดรี, ปุช และ อันซู ฟาติ
ขุมกำลังเหล่านี้ หากบริหารจัดการดีพอ วางแท็กติกการเล่นดีๆ ก็ไม่น่าจะขี้เหร่เหมือนเวลานี้ที่เล่นกันไม่เป็นทรง ไม่ใช่บาร์เซโลนาอย่างที่ทุกคนจดจำ
การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนนี้คือ การยอมเจ็บแต่จบเพื่อเริ่มนับ 1 ใหม่อย่างที่ควรจะเป็นมากกว่า โดยคนที่อยู่ในลิสต์เวลานี้คือ ชาบี เอร์นานเดซ ตำนานของสโมสรและ โรเบร์โต มาร์ติเนซ โค้ชชาวสเปนของทีมชาติเบลเยียม
รายแรกอาจจะไม่มีประสบการณ์ในลีกระดับสูง แต่ผลงานน่าจับตามองในลีกกาตาร์ รายหลังพิสูจน์ตัวเองได้ดีระดับหนึ่งกับทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป
สถานการณ์ของบาร์ซาจึงน่าจับตามองและน่าติดตามอยู่ทีเดียวครับว่าเรื่องจะจบอย่างไร และวิธีที่ดีที่สุดในการหาทางออกจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้คือวิธีไหน
ถ้าจะปลดคูมันจากตำแหน่ง ก็หมายถึงสถานะทางการเงินของสโมสรที่จะยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก หรือจะอยู่กันต่อไปแบบหมางใจแบบนี้จนกว่าจะถึงจุดที่พอจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้
แต่ไม่ว่าจะจบอย่างไร สงครามครั้งนี้ดูเหมือนคนเดียวที่แพ้คือสโมสรบาร์เซโลนาเอง