×

จิตตะ เวลธ์ ส่ง ‘Thematic Optimize’ จัดพอร์ตลงทุนเกาะธีมเมกะเทรนด์ด้วย AI แห่งแรกของไทย

29.09.2021
  • LOADING...
Jitta Wealth

จิตตะ เวลธ์ เผยกระแสลงทุน Thematic มาแรง นักลงทุนไทยแห่ลงทุนตามธีมเมกะเทรนด์โลก ล่าสุดส่ง ‘Thematic Optimize’ บริหารจัดการพอร์ตลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ด้วยเทคโนโลยี AI ครั้งแรกของประเทศไทย ช่วยคัดเลือกธีมที่น่าลงทุนที่สุดและบริหารจัดการพอร์ตให้อัตโนมัติ สร้างผลตอบแทนย้อนหลังได้เฉลี่ย 25% ต่อปี  

 

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในธุรกิจเป็นธีมโดยเฉพาะในกลุ่มเมกะเทรนด์โลก (Thematic Investment) ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น ธีมการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี หรือธีมที่เจาะด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech), ระบบคลาวด์ (Cloud Computing), หุ่นยนต์และ AI (AI & Robotics), เกมและอีสปอร์ต (Games & E-Sports) และพลังงานสะอาด (Clean Energy) หรืออาจจะเป็นธีมที่ลงทุนในเทคโนโลยีของประเทศผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น สหรัฐอเมริกา หรือจีน ที่คาดว่าจะเติบโตมีมูลค่ามหาศาลในอนาคต ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก และกำลังกลายเป็นการลงทุนกระแสหลัก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม อีกทั้งยังสร้างผลตอบแทนเติบโตไปพร้อมกับดัชนีธีมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ

 

การลงทุนแบบ Thematic จะเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจผ่าน ETF (Exchange Traded Fund) เพื่อกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมหรือเมกะเทรนด์นั้นๆ โดย Brown Brothers Harriman & Co. ได้จัดทำรายงาน Global ETF Investor Survey ประจำปี 2021 นำเสนอข้อมูลจากการสำรวจนักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า 80% ของนักลงทุนวางแผนจะเพิ่มการจัดสรรเงินลงทุนไปยังกองทุน ETF แบบ Thematic มากขึ้น สอดคล้องกับรายงานของ มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) (มิถุนายน 2021) ที่ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้กองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ดังกล่าวกว่า 5.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่สัดส่วนกว่า 51% ของกองทุนเหล่านี้อยู่ในยุโรป และสหรัฐฯ ตามลำดับ 

 

จิตตะ เวลธ์ ได้เปิดกองทุนส่วนบุคคล Thematic ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 เป็นการลงทุนในรูปแบบ Thematic DIY ให้นักลงทุนจัดพอร์ตเลือกธีมที่ชื่นชอบ ออกแบบพอร์ตด้วยตนเอง เลือกจับคู่ธีมได้สูงสุดถึง 5 ธีมในพอร์ตเดียว แล้วให้ระบบบริหารจัดการดูแลปรับพอร์ตให้ ซึ่งปัจจุบันมีธีมการลงทุนให้เลือกทั้งหมด 16 ธีม มาจากการคัดสรรเลือก Passive ETF ที่น่าลงทุนสูงสุดของแต่ละเมกะเทรนด์ โดย จิตตะ เวลธ์ จะวิเคราะห์คัดกรอง Passive ETF ที่มีมูลค่าสุทธิการลงทุนของธีมเมกะเทรนด์แต่ละธีมที่สูง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ที่ต่ำมาก และมีสภาพคล่องลงทุนได้จริง โดยระบบจะช่วยดูแลเพื่อให้พอร์ตเติบโตไปพร้อมๆ กับเมกะเทรนด์ 

 

และล่าสุด จิตตะ เวลธ์ เปิดตัวกองทุนส่วนบุคคล Thematic Optimize ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์การเติบโตของธีมเมกะเทรนด์ต่างๆ จากหุ้นในธีมกว่า 2,500 หุ้น และพิจารณาผลตอบแทนที่ผ่านมา รวมถึงความเสี่ยง เพื่อคัดเลือก 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุด ณ เวลานั้น มาจัดพอร์ตในสัดส่วนเท่าๆ กัน และคอยดูแลปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติทุกๆ 3 เดือน ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้ลงทุนธีมกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์โลกผ่าน Passive ETF ที่น่าลงทุนที่สุดสำหรับแต่ละกลุ่มธุรกิจได้สะดวกสบายมากขึ้น จัดพอร์ตด้วยธีมเมกะเทรนด์ศักยภาพสูง บริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบ มีหลักการ ช่วยลดภาระเรื่องการใช้เวลาศึกษาข้อมูล 

 

ทั้งนี้ ระบบได้พิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลังจากการลงทุนแบบ Thematic Optimize พบว่าสามารถทำกำไรเฉลี่ยทบต้น 25.22% ต่อปี ชนะดัชนี MSCI World Index (Total Return) ที่มีผลตอบแทน 13.78% ต่อปี  (ข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2021)

 

“Thematic Optimize คือเทคโนโลยีการจัดพอร์ตลงทุนในธีมด้วย AI ล่าสุด ที่ช่วยให้นักลงทุนไทยไม่พลาดการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์โลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดี พร้อมรับความสะดวกสบายมากขึ้น การสร้างนวัตกรรมการลงทุนนี้เป็นความมุ่งมั่นของจิตตะ เวลธ์ ที่มีมาโดยตลอด เพื่อให้นักลงทุนไทยได้มีโอกาสสร้างพอร์ตแกร่งในระยะยาว” ตราวุทธิ์กล่าว

 

ทั้งนี้ กองทุนส่วนบุคคล Thematic Optimize ของ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด เริ่มต้นลงทุน 1 แสนบาท มีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปี

 

ตราวุทธิ์กล่าวเพิ่มอีกว่า ในอนาคตอันใกล้ จิตตะ เวลธ์ จะมีการลดมูลค่าเริ่มต้นทุน จากปัจจุบันกำหนดไว้ที่ 1 แสนบาท เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงเครื่องมือการลงทุนที่ครอบคลุมทั่วโลกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเครื่องมือลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี 2 แนวทาง 

 

แนวทางแรกคือการลงทุนผ่าน ETF โดยหากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐฯ อนุมัติ ETF คริปโตเคอร์เรนซี จิตตะ เวลธ์ จะสามารถให้บริการลงทุนแก่นักลงทุนที่สนใจได้ทันที แนวทางที่ 2 คือ จิตตะ เวลธ์ จะคิดค้นอัลกอรึทึมสำหรับลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีขึ้นมาใหม่ ซึ่งในแนวทางนี้ได้มีการหารือกับพันธมิตรผู้มีความเชี่ยวชาญด้านคริปโตเคอร์เรนซีอยู่อย่างต่อเนื่อง 

 

อย่างไรก็ตาม คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ใหม่และมีความเสี่ยงสูง อีกทั้งไม่มีข้อมูลมากพอสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำ Historical Data เพื่อทดสอบสมมติฐานต่างๆ ซึ่งต่างจากข้อมูลในตลาดทุนอย่างมาก การศึกษาแนวทางและการดำเนินการต่างๆ จึงต้องระมัดระวัง 

 

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เป็นสตาร์ตอัพ WealthTech สัญชาติไทย เป็นรายแรกที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลจาก ก.ล.ต. ปัจจุบันให้บริการลูกค้าที่ใช้ Jitta Analysis ราว 5 แสนรายทั่วโลก 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising