ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งได้ออกมาแสดงความเห็นและคาดหวังว่าคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีมติลดปริมาณซื้อพันธบัตรรายเดือนตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุม Fed ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายนนี้แน่นอน หลังสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายตัวเป็นไปในทิศทางบวก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กลับเผชิญกับการพลิกผันและความท้าทายชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาที่ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ดิ่งลง และรายงานตัวเลขการจ้างงานที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ทำใจยอมรับว่ามติการประชุม Fed คราวนี้คงไม่เอื้อให้ Fed ประกาศลดแผน QE
เดวิด เคลลี หัวหน้านักกลยุทธ์จาก JPMorgan funds แสดงความเห็นกับทางสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาด ปัญหานโยบายการคลังอย่างเพดานหนี้สาธารณะและข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปราะบาง ทำให้ Fed ไม่น่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ และน่าจะเลื่อนประกาศผ่อน QE ออกไปเป็นเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องผ่อน QE เป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัวทางบวกจากวิกฤตไวรัสโควิดระบาดมาอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ยืนยันได้จากตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพานโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ อีกต่อไป กระทั่งทำให้นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดหวังและค่อนข้างเชื่อมั่นว่า Fed น่าจะประกาศลด QE ในการประชุมเดือนกันยายน หลังได้มีการส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าจะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้นปีนี้
กระนั้นความคาดหวังดังกล่าวของนักวิเคราะห์เริ่มสั่นคลอน เมื่อตลาดเผชิญกับข่าวร้ายอย่างต่อเนื่องก่อนเริ่มการประชุมเพียงไม่นาน ทั้งความวิตกกังวลของนักลงทุนจากกรณีของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน Evergrande ที่ทำให้เกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลก และปัญหาเกี่ยวกับเพดานหนี้สาธารณะ ดังนั้นนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเริ่มประเมินว่า Fed อาจจะต้องปรับท่าทีเพื่อเลี่ยงไม่ให้ผลประชุมคราวนี้เป็นการเพิ่มข่าวร้ายซ้ำเติมสถานการณ์ให้รุนแรงมากขึ้น
เพราะต้องไม่ลืมว่าแม้ Fed จะต้องการนโยบาย QE มากเพียงใด แต่สิ่งที่ Fed ให้ความสำคัญมากกว่าก็คือเสถียรภาพของตลาด เพื่อหลีกเลี่ยงประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกรณีวิกฤต ‘Taper Tantrum’ ในปี 2013 เมื่อ Fed ตัดสินใจลด QE จนสร้างความปั่นป่วนที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและเกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ในตลาดทั่วโลก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างจับตาไปที่ถ้อยแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ในช่วงบ่ายของวันที่ 22 กันยายน (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) หลังเสร็จสิ้นการประชุม ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นจุดยืนของ Fed เกี่ยวกับ QE และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานอีกฉบับของทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า สิ่งที่ Fed จะให้น้ำหนักความสำคัญในการประชุมครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่กรอบเวลาการผ่อนคลายมาตรการ QE แต่เป็นการพยายามปลอบประโลมตลาดไม่ให้ตื่นตระหนกมากไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดย ริก ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของ BlackRock กล่าวว่า สถานการณ์และปัจจัยความกังวลของนักลงทุนในตลาดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอาจมีอิทธิพลต่อการหารือของ Fed ในครั้งนี้ เพียงแต่ Fed ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นหารือหลักอย่างการลดแผน QE ตามที่กำหนดไว้ก่อนหน้า
ขณะที่ผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ล่าสุด ส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า Fed น่าจะลดปริมาณ QE ในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นประเด็นที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจมากกว่า
โดย มาร์ก คาบานา หัวหน้านักกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของ Bank of America เชื่อว่า ประธาน Fed อย่างพาวเวลล์จะคลายความกังวลของตลาดที่มีต่อนโยบาย Fed ด้วยการแยกการเปลี่ยนแปลงของแผน QE กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้นักลงทุนในตลาดเบาใจได้ว่าการผ่อน QE จะไม่ตามด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทันที ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตรงมากกว่า
นอกจากความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับแผน QE แล้ว สิ่งที่นักวิเคราะห์รอฟังก็คือการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีนี้ ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งต่างจับตารอดูคำตอบของ Fed กรณีที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed หลายราย รวมถึงประธาน Fed อย่างพาวเวลล์ ถือครองและซื้อขายหุ้นประเภทเดียวกันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ซื้ออยู่
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/09/21/economy/federal-reserve-tapering-delta/index.html
- https://www.cnbc.com/2021/09/21/the-fed-will-try-to-soothe-markets-wednesday-while-preparing-investors-for-end-to-bond-buying.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP