ตลาดหุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ เริ่มต้นสัปดาห์ในแดนลบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในเอเชียที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยชาว Wall Street (คำเรียกนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ) ต่างพากันขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในตลาดหุ้นตลอดเดือนกันยายนนี้
ดัชนี Dow Jones Futures ปรับตัวลดลงมากกว่า 500 จุด ทันทีที่เปิดตลาด หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงราว 1.6% ขณะที่ S&P 500 Futures ลดลง 1.3% Nasdaq 100 Futures ลดลง 1.1%
ปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนเลือกขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง มีดังนี้
- นักลงทุนหวั่นว่าวิกฤติหนี้ Evergrande ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะนำไปสู่วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงวิกฤตระบบการเงินของจีน
- นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีการประชุมระหว่างวันที่ 21-22 กันยายนนี้ ซึ่งนักลงทุนต่างพากันคาดการณ์ว่า Fed จะส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะเริ่มดึงมาตรการกระตุ้นทางการเงินออกจากระบบ (ลด QE) ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และความคืบหน้าอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ
- ความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา จะกลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักเหมือนช่วงเดือนมกราคมที่ผ่าน เนื่องจากลมหนาวจากทางอเมริกาเหนือเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว
- เดือนกันยายนมีสถิติเชิงลบในตลาดหุ้นมาก่อน โดยมีค่าเฉลี่ยการปรับฐานลงราว 0.4% (อ้างอิงจาก Stock Trader’s Almanac) และมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งเดือนหลัง
โดยดัชนีความผันผวน Cboe ซึ่งเป็นมาตรวัดความกลัวของชาว Wall Street พุ่งขึ้นเหนือระดับ 25 ในวันนี้ (20 กันยายน) ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
หุ้นที่เชื่อมโยงกับการเติบโตทั่วโลกลดลงมากที่สุดในตลาดซื้อขายล่วงหน้า นำโดย Ford และ Carrier Global ร่วงลงมากกว่า 3% General Motos และ Boeing ปรับลดลง 2% หุ้นเหล็ก Nucor ลดลง 2.8%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเนื่องจากน้ำมันดิบ WTI ร่วง 2% จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก Occidental Petroleum, Hess และ Devon Energy เป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นร่วงลงมากที่สุด
ด้านราคาพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย โดยแรงเข้าซื้อส่งให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐ อายุ 10 ปี ลดลง 0.04% เป็น 1.329%
หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ปรับลดลงเนื่องจากความกังวลต่อกำไรสุทธิที่อาจจะลดลง โดยหุ้น Bank of America และ JPMorgan Chase ต่างลดลงมากกว่า 2%
ไมค์ วิลสัน หัวหน้านักยุทธศาสตร์หุ้นสหรัฐฯ ของ Morgan Stanley กล่าวว่า การปรับฐานของดัชนีน่าจะจบเร็วๆ นี้ โดยก่อนหน้านี้เราได้สะท้อนมุมมองเชิงลบไปแล้ว คือการปรับลดประมาณการกำไร บจ. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะลดลง และดัชนี PMI โดยตัวเลขเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 กันยายน) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกันยายน ซึ่งสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน อยู่ที่ 71 เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/article/usa-stocks/us-stocks-futures-drop-over-1-on-growth-worries-focus-turns-to-fed-idUSL4N2QM15B
- https://www.cnbc.com/2021/09/19/stock-market-futures-open-to-close-news.html?__source=iosappshare%7Cjp.naver.line.Share
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP