×

เจาะพื้นฐาน XPG หุ้นติดมาตรการกำกับซื้อขายระดับ 3 ที่ยาวนานสุด เทียบ P/E ‘809 เท่า’ กูรูเตือนกำลังเทรดบนราคาในอนาคตที่ความเสี่ยงระหว่างทางยังมีสูง

10.09.2021
  • LOADING...

หุ้น บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ยังคงอยู่ในกระแสความสนใจของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวร้อนแรงเป็นระยะ อีกทั้งในปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูง โดยเมื่อวานนี้ (9 กันยายน) หุ้น XPG ปิดการซื้อขายที่ระดับ 3.84 บาท เทียบ​​อัตราส่วนกำไรต่อราคาต่อหุ้น (P/E) สูงถึง 809.84 เท่า

 

นอกจากนี้ หุ้น XPG ยังอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับที่เข้มข้นสุด และเป็นหุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 ยาวนานที่สุดอีกด้วย

 

ก่อนหน้านี้ ในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกโรงเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) เนื่องจากสภาพการซื้อขายปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากระแสนิยมของหุ้นจะไม่ได้ลดลงนัก ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH จึงชวนมาทบทวนแผนธุรกิจของ XPG ในวันที่ราคา (P) วิ่งแซงหน้ากำไร (E) ไปไกลมาก

 

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ XPG ให้ข้อมูลผ่านงานแถลงข่าวว่า ปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ XPG ทั้งการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และการได้รับเงินเพิ่มทุนได้สูงถึง 7,111 ล้านบาทภายในเวลาไม่นาน รวมถึงการร่วมลงทุนจากพันธมิตร เช่น บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI ใน Digital Financial Service

 

โดยปัจจุบัน XPG ประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจการเงิน ได้แก่

 

1.ธุรกิจหลักทรัพย์ โดย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด

2.ธุรกิจจัดการกองทุน โดย บลจ.เอ็กซ์สปริง จำกัด

3.ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด

4.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด

5.ธุรกิจจัดการเงินลงทุน

 

การเพิ่มทุนทำให้ XPG มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และยังทำให้ XPG มีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท ที่จะนำไปพัฒนาธุรกิจใน 3 ด้าน ประกอบด้วย

 

1.ธุรกิจดิจิทัล โดยจะมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) สำหรับบริการด้านการเงิน

2.ธุรกิจปัจจุบัน ด้วยการขยายธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การสนับสนุนการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การขยายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและความสามารถด้านเทคโนโลยี

3.ชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

โดย ระเฑียร เชื่อว่ารายได้ของ XPG จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 จากงวดครึ่งแรกปี 2564 ที่มีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ที่มีจำนวนรวม 141 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 65 ล้านบาท

 

 

อย่างไรก็ตามในมุมของ ‘นักวิเคราะห์’ แล้ว ประเมินว่า สิ่งที่ XPG กำลังมุ่งหน้าไป แม้เป็นเส้นทางที่ถูก แต่หนทางยังอีกยาวไกล ที่สำคัญสิ่งที่ลงทุนไปกว่าจะออกดอกผลต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ดังนั้นราคาหุ้น XPG ณ ปัจจุบัน จึงถือว่าล่วงหน้าไปไกลมาก

โดย มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ราคาหุ้น XPG ในปัจจุบันซื้อขายบนความคาดหวังในอนาคต ทำให้มีค่า P/E ที่ค่อนข้างสูง และความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการที่ธุรกิจไม่เติบโตตามแผน

นักลงทุนที่เข้าลงทุนใน XPG คาดหวังถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกำไร ซึ่งจะฉุดให้ค่า P/E ต่ำลงได้ในเวลาไม่นาน หรือราว 1-2 ไตรมาส ปัจจัยบวกสำคัญคือ การเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset  ซึ่งจะเป็นธุรกิจดาวรุ่งในปีหน้าของภาคธุรกิจการเงินของประเทศไทย และ XPG ก็มีส่วนผสมใน Digital Asset ค่อนข้างมาก และอาจจะมากสุดในตลาดหุ้นไทย

โครงการสำคัญที่นักลงทุนคาดหวัง คือ การขยับชั้นเข้าสู่ Digital Finance มากขึ้น ผ่านเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ด้วยการออก ICO 2 ตัวในปีนี้ คือ 1.โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token) ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 

และ 2.Ready to use Utility Token ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร

มงคล กล่าวเพิ่มว่า ด้วยธุรกิจใหม่ๆ ที่ XPG กำลังมุ่งหน้าไปนั้น ยังไม่มีผลการดำเนินงานมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานและราคาเหมาะสมของราคาหุ้น นักลงทุนที่ลงทุนใน XPG ตอนนี้และคาดหวังถึงการเติบโตในอนาคตอาจจะต้องใช้เวลาลงทุนค่อนข้างนาน ราว 1-2 ปี จึงจะเริ่มเห็นมูลค่าที่แท้จริง

สอดคล้องกับ ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวย​การฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ประเมินว่า XPG น่าจะใช้เวลาสร้าง Ecosystem ของธุรกิจ Digital Asset ราว 2-3 ปี

“แม้ว่าภาพรวมธุรกิจจะชัดขึ้น โดยเฉพาะการออก ICO และได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งตอกย้ำว่า XPG จริงจังกับธุรกิจนี้ แต่ในบริบทของ Digital Asset มองว่าบริษัทยังมีอะไรต้องทำเพิ่มอีกมาก เช่น การจัดตั้ง Exchange สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยน ICO ทั้งที่เสนอขายแล้วและที่จะออกในอนาคต ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนา Ecosystem ค่อนข้างนาน”

ณัฐพล กล่าวว่า ราคาหุ้นในปัจจุบัน คงจะประเมินไม่ได้ว่าเหมาะสมปัจจัยพื้นฐานหรือไม่ เพราะ XPG กำลังสร้างพื้นฐานของบริษัทใหม่อยู่ แต่หากประเมินด้วยอัตราส่วนทางตัวเลข เช่น P/E ก็ต้องยอมรับว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้น XPG ปรับเพิ่มขึ้นระยะสั้นมาจากความเคลื่อนไหวของ Cryptocurrency ด้วย

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้อนาคต XPG อาจดูสดใส แต่ระหว่างทางที่เดินไป ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ในขณะที่ราคาหุ้นวิ่งแซงหน้าไปไกลกว่าปัจจัยพื้นฐาน ณ ปัจจุบันค่อนข้างมาก ที่สำคัญหากแผนงานที่ XPG มุ่งหวังไว้ ไม่เป็นไปตามคาด ‘คนที่แบกความเสี่ยง’ ก็คือตัว ‘ผู้ลงทุน’ นั่นเอง

 

 

ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising