การลงทุนแนว Thematic Investing ในบ้านเราช่วงนี้ดูจะได้รับความสนใจน้อยลง เนื่องจากเรื่องราวในตลาดการเงินพลิกกลับมาเป็น ‘การเปิดเมือง’ ‘เงินบาทที่แข็งค่า’ และทิศทาง ‘นโยบายการเงินของ Fed’ แต่ในทั่วโลก กระแสการลงทุนแห่งอนาคตเหล่านี้ยังคงแข็งแรง มีกองทุนออกใหม่ต่อเนื่อง และมีประเด็นน่าติดตามมากมาย
เริ่มต้นด้วยทิศทางของตลาดล่าสุด ช่วงเดือนที่ผ่านมา ธีม FinTech และ Digitalization เป็นธีมที่ปรับตัวขึ้นแรงที่สุด บวกเฉลี่ย 4.1% โดยได้ทั้งแรงหนุนจากราคา Bitcoin ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกว่า 15% ในเดือนเดียว ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มนี้ก็รายงานออกมาสดใสตามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตที่ปรับตัวขึ้น กองทุนที่โดดเด่นคือ DAPP หรือ Vaneck Vectors Digital Assets Equity ที่ลงทุนในบริษัทสายคริปโตอย่าง Marathon Digital Holdings Inc. และ Hut 8 Mining Corp.
อย่างไรก็ตาม ตลาด Thematics ไม่ได้เขียวสดใสไปทั้งหมด เนื่องจากธีม Consumer Evolution ยังคงถูกกดดันจากนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของจีนที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้โดยรวมธีมนี้จะไม่ถึงขึ้นติดลบและมีผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 1.1% ในเดือนสิงหาคม แต่กองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น HERO หรือ NERD ก็ทรงตัว แทบไม่ฟื้นขึ้นจากเดือนก่อนที่ติดลบหนักเกินกว่า 10%
ด้านกองทุน ETF ออกใหม่ทั่วโลก จากข้อมูลของ Bloomberg ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา มีกองทุน ETF หุ้นทั่วโลกออกใหม่เปิดซื้อขายแล้วถึง 24 กองทุน และแทบทั้งหมดเน้นไปในแนว Thematic Investing
ผมเห็น 3 กองทุน Thematic ETF ที่น่าจับตาในเดือนที่ผ่านมาคือ Global X Blockchain (BKCH) ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Digital Asset เปิดตัวได้จังหวะดีที่สุดเมื่อ Bitcoin กลับเป็นขาขึ้น สองคือ The Goldman Sachs Future Planet Equity (GSFP) เป็น Active Managed ETF ที่ลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคตภายใต้ธีม Disruptive Green Economy เปิดตัวได้ใหญ่ที่สุดราว 60 ล้านดอลลาร์ และสุดท้ายที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Amplify Thematic All-Stars (MVPS) เป็น Multi-Theme Passive ETF ที่ใช้ข้อมูลการถือครองหุ้นของ U.S. ETF เป็นตัวแปรในการเลือกลงทุน โดยจะเฟ้นหาการลงทุนที่ ETF อื่นๆ เลือกลงทุนมากที่สุดในแต่ละธีมมารวมกัน
สำหรับ Thematic Investor ในเดือนกันยายนนี้ ต้องจับตาไปที่ Fed ว่าจะมีการส่งสัญญาณเรื่องนโยบายการเงินเพิ่มเติมในช่วงปลายเดือนหรือไม่ ผมมองว่าจุดเปลี่ยนของตลาดการเงินรอบนี้อยู่ที่มุมมองของ Fed ต่อเงินเฟ้อ และทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตมากกว่าการลด QE ที่กำลังเป็นข่าว
ถ้า Fed ปรับมุมมองเงินเฟ้อสูงขึ้นให้ตรงกับความเป็นจริง หรือเลื่อนจังหวะในการขึ้นดอกเบี้ยมาเร็วกว่าปี 2023 ในการประชุม FOMC ในวันที่ 21-22 กันยายนนี้ อาจสร้างแรงกดดันให้กับธีมที่พื้นฐานไม่แข็งแกร่งมากอย่าง FinTech, Digitalization และ Disruptive Technology
ฝั่งเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดการเงิน ต้องจับตาการรับมือกับการระบาดรอบล่าสุดของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องแรก นักลงทุนสายธีมที่กังวลว่าตลาดอาจปรับฐานถ้าสหรัฐอเมริการับมือกับการระบาดรอบใหม่ไม่ดี สามารถย้ายไปถือธีมที่มีความสัมพันธ์กับตลาดต่ำอย่าง Healthcare Innovation ขณะเดียวกัน ธีมนี้ก็อาจได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมถ้ารัฐบาลทั่วโลกหันมาใช้ Booster Shot ในการรับมือกับไวรัสในระยะยาว
ส่วนประเด็นเรื่องกฎเกณฑ์ใหม่ต่างๆ ของทางการจีน ผมเชื่อว่าจะกระทบกับธีมการบริโภคและโครงสร้างเศรษฐกิจจีนในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจเป็นอย่างที่ จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินออกมาให้ความเห็นล่าสุดว่า “สีจิ้นผิง กลายเป็น Updated Version ของ เหมาเจ๋อตุง และไม่เคยมีใครในโลกเคยเห็นตลาดการเงินในยุคนั้นมาก่อน”
ไม่ต้องรีบครับ เพราะถ้าเป็นธีมแห่งอนาคตจริงต้องมีจังหวะที่ทั้งสังคม การเมือง และธุรกิจ กลับมาให้การสนับสนุนไปพร้อมกันแน่นอนครับ