วันนี้ (1 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า ตนได้เดินสายประสานพรรคเล็กเพื่อให้โหวตคว่ำนายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนเป็น ส.ส. มาปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ชื่นชมสื่อมวลชนทุกสำนัก ยกเว้นสำนักข่าวที่พยามนำเสนอข่าวให้ตนเสียหาย ขอให้มีจริยธรรมและจิตสำนึกการนำเสนอข่าวเรื่องต่างๆ ด้วย การคิดเอง เออเอง และเขียนเอง
โดยยืนยันว่าตนไม่เคยสนใจหรือใส่ใจเรื่องตำแหน่งและหน้าที่ ที่ผ่านมาตนได้พูดเสมอว่าที่ตนมาถึงจุดนี้ได้ ลูกชาวนา เด็กบ้านนอกจนๆ ที่ถึงเวลานี้ได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อพี่น้องประชาชน ตนถือว่าชีวิตนี้สูงสุดแล้ว ที่เหลือหากตนมีโอกาสทำเพื่อชาติบ้านเมืองและรับใช้แผ่นดิน รับใช้พี่น้องประชาชน ตนก็จะทำให้ดีที่สุด
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคงไม่ต้องพูดอะไรมากว่าตนทำอะไรเพื่อบ้านเมือง เพื่อพี่น้องประชาชนบ้าง ดังนั้นการจะมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในรัฐบาลและในคณะรัฐมนตรี (ครม.) กันไม่ใช่พฤติกรรมของตน ซึ่งหากยังจำได้ว่าในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดขอนแก่น ในขณะที่ตนได้รับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่นั้น ตนได้ยืนยันว่าจะนำพาพรรคพลังประชารัฐ สถาบันการเมืองที่มีความเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของประชาชน ตนก็จะทำต่อไป
ดังนั้นข่าวลือที่กล่าวหาว่าตนทำโน่นทำนี่นั้นไม่จริง แม้กระทั่งขณะที่ตนลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ก็มี ส.ส. หลายคนโทรมาถามตนเรื่องหัวหน้าพรรคเล็กเสนอรับเงิน 10 ล้านบาท และร้ายไปกว่านั้น มีรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐรับงานมาล็อบบี้ ทั้ง ส.ส. เพื่อไทย ส.ส. ประชาธิปัตย์ แม้กระทั่ง ส.ส. ในพรรคพลังประชารัฐเอง เพื่อโหวตสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งต้องถามว่าการเป็นรัฐมนตรีสมควรที่จะทำอย่างนั้นหรือไม่ ท่านควรจะเห็นผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง คนที่ว่า 4 ช. ฝากไปบอกเขาด้วยว่าทำอะไรเพื่อบ้านเมืองบ้าง อย่าเห็นประโยชน์ส่วนตัว
ทั้งนี้กรณีที่ตนมีรายชื่อติดหนึ่งในบุคคลที่ร่วมล้มนายกรัฐมนตรีนั้น ในรัฐธรรมนูญก็ระบุชัดเจนว่า 1 เสียงของ ส.ส. คือเสียงของประชาชน เพราะฉะนั้น ส.ส. เขารู้จักคิด รู้จักคำว่าเขาจะทำอะไร เราไม่สามารถไปครอบงำเขาได้ มติพรรคจะไปทำโน่นทำนี่ไม่ได้ มันผิดรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชารัฐไม่มีอย่างนั้น
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้ถูกใช้ให้มาล็อบบี้ใคร ไม่ว่าจะให้ช่วยรัฐบาลหรือไประดมพรรคอื่นให้มาช่วยในการโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรี ตนไม่ทำ สำหรับภาพที่ปรากฏว่าตนนั่งคุยกับหัวหน้าพรรคเล็กในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทุกครั้งที่ตนเข้าสภาก็มีพี่น้องทั้งพรรคเพื่อไทยและทุกพรรคเข้ามาสวัสดีและขอถ่ายรูปกับตนเป็นปกติ ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดหรือปฏิบัติว่าเป็นพี่น้องต่างพรรคการเมือง
“ความคิดเราไม่ต้องเป็นศัตรูกัน แม้กระทั่งที่ผมถูกกระทำอย่างไร ผมไม่เคยโทษใคร เพราะได้พูดกับตัวเองมาตลอดว่าเราควรนำมาปรับปรุงตนเอง และใน ครม. ต้องถามว่าใครโดนหนักเท่าผมบ้าง เช่น มีม็อบบุกไปที่บ้าน ใครโดนเท่าผมบ้าง ใครเคยได้ยินผมบ่นบ้าง ไม่เคยแหกปากสักคำ” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ตนไม่ใช่คนประเภทเหยียบหางหน่อยแหกปาก นั่นไม่ใช่ตน ซึ่งขบวนการล้มนายกรัฐมนตรีจะมีหรือไม่มีต้องย้อนกลับไปถามคนให้ข่าว ซึ่งต้องบอกว่าคนให้ข่าวไม่ใช่คนของพรรคฝ่ายค้าน เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลเอง ไอ้ห้อย ไอ้โหนทั้งหลายที่ชอบเลียแข้งเลียขาให้สำเหนียกเสียบ้าง ซึ่งบางคนตนได้บันทึกเทปไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเจอกัน
“ขณะเดียวกันต้องตั้งคำถามกลับไปยังท่านห้อย ท่านโหน ว่าท่านได้นำนโยบายของนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติบ้างหรือไม่ ท่านทำเหมือนผมหรือไม่ ที่นำนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน คุณทำบ้างหรือไม่ มัวแต่ห้อยแต่โหน อย่างนี้ประเทศชาติจะเจริญได้อย่างไร ผมไม่โกรธใคร ไม่แค้นใคร แต่ผมจำนาน และพี่น้องร่วมอุดมการณ์ผมเยอะ ไม่ต้องห่วง” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
ร.อ. ธรรมนัส ยังกล่าวด้วยว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นตนไม่เคยพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกรัฐมนตรีท่านก็เคยพูดแล้วว่าจะขอพูดคุยกับหัวหน้าพรรคเท่านั้น ตนในฐานะลูกพรรคและเลขาธิการพรรค ตนถามว่ามีวันไหนที่ตนไม่นั่งทานข้าวกับหัวหน้าพรรคบ้าง และการประชุมพรรคพลังประชารัฐที่ผ่านมา ต้องถามว่าตนได้เคยพูดอะไรเกี่ยวกับการเลื่อยขาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ท่านได้ยินจากปากตนหรือ ตนพูดเพียงว่า ส.ส. ในพรรคอึดอัดหลายๆ เรื่อง