นักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองไปที่การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เมืองแจ็กสันโฮล ในรัฐไวโอมิง ในช่วง 2 วันนี้ (26-27 สิงหาคม) อย่างใกล้ชิด ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าจะมีการเปิดเผยแนวทางและความคิดเห็นเกี่ยวกับก้าวต่อไปของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ
สำหรับประเด็นหลักที่คาดว่าจะเป็นหัวข้อในการประชุมครั้งนี้ และเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจอย่างมากก็คือ การส่งสัญญาณลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (QE) รายเดือน และช่วงระยะเวลาที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในส่วนไฮไลต์สำคัญของการประชุมครั้งนี้ที่ห้ามพลาดก็คือ การขึ้นแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ในวันศุกร์ (27 สิงหาคม) ซึ่งเป็นวันที่สองของการประชุม โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักเชื่อว่าพาวเวลล์ยังไม่น่าจะเผยโรดแมปรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการลด QE ตรงกันข้าม พาวเวลล์น่าจะตอกย้ำความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งประเมินว่า Fed ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ในการประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกันเมื่อถามว่าเมื่อไรที่ Fed จะส่งสัญญาณ นักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่ง รวมถึง Goldman Sachs คาดการณ์ไว้ว่าเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งประเมินว่า Fed จะส่งสัญญาณลด QE ในการประชุมเดือนกันยายน หลังจากที่ได้อัปเดตข้อมูลด้านตลาดแรงงานและระดับตัวเลขเงินเฟ้อ
โจ บรูซูอีลัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ RSM ระบุว่า การประชุม Fed ครั้งนี้จะยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เกี่ยวกับแผนลด QE ทั้งในแง่ของปริมาณและช่วงเวลา โดยการประชุมครั้งนี้จะมุ่งสร้างความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นหลัก ขณะที่เดือนกันยายนเป็นการคาดการณ์การลดปริมาณ ก่อนที่เดือนพฤศจิกายนจะประกาศลด และเดือนธันวาคมก็คือเริ่มดำเนินการ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดเป็นหลัก
ด้านความเคลื่อนไหวของตลาดวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ (25 สิงหาคม) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ก่อนที่จะขยับปิดตลาดในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยได้อานิสงส์จากหุ้นของบรรดาบริษัทผู้ผลิตชิปและสถาบันการเงิน ทำให้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq พุ่งทุบสถิติเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.96 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 4,496.19 จุด ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 39.24 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 35,405.50 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 22.06 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 15,041.86 จุด
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขยับขึ้นสูงถึง 1.352% แตะระดับสูงสุดในรอบเดือน และทำให้หุ้นของภาคการเงินขยับเพิ่มขึ้น เช่น JPMorgan ที่เพิ่มขึ้น 2%, Wells Fargo เพิ่ม 1.9%, Zions ธนาคารท้องถิ่น 1.6% และ Regions Financial เพิ่มขึ้น 1.5%
สำหรับหุ้นด้านการขนส่ง ผู้ผลิตชิป และการท่องเที่ยวเดินทาง ก็ขยับปรับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนส่วนหนึ่งเริ่มเห็นสัญญาณว่าการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐฯ น่าจะมาถึงจุดพีกที่สุดเรียบร้อยแล้ว และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะฟื้นตัวโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับการอนุมัติวัคซีนของ Pfizer-BioNTech เต็มรูปแบบ เปิดทางให้บริษัทและสถาบันต่างๆ เดินหน้าทั้งบังคับฉีดหรือไม่ก็มีบทลงโทษสำหรับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ทำให้ความหวังที่จะควบคุมการระบาดเดินหน้าได้เร็วขึ้น
สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นต่อเนื่องที่ส่งผลต่อความต้องการบริโภคน้ำมันในตลาดให้เพิ่มสูงขึ้นนี้ได้ดันให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แล้ว โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ ปิดที่ 68.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 72.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเมื่อวานนี้ (25 สิงหาคม) กลับขยับลงมาต่ำกว่าระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 17.50 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,791 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/08/25/investing/jackson-hole-investing-preview/index.html
- https://www.foxbusiness.com/economy/federal-reserve-jackson-hole-meeting-powell-tapering-roadmap
- https://www.cnbc.com/2021/08/24/stock-market-futures-open-to-close-news.html
เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหาร ‘ต้องดู’ ก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022
📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทย–โลก
📌 เทรนด์ผู้บริโภค–การตลาด
📌 เคสจริงจากผู้บริหาร
พิเศษ! บัตร Early Bird 999 บาท วันนี้ถึง 27 สิงหาคมนี้เท่านั้น
ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce