×

นักลงทุนกลัวตกรถ แห่ซื้อหุ้นดันตลาดวอลล์สตรีทคึกคัก

24.08.2021
  • LOADING...
วอลล์สตรีท

แม้จะมีปัจจัยน่าวิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของไวรัส อัตราเงินเฟ้อสูง การส่งสัญญาณลดปริมาณการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลรายเดือนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และความไม่สงบในอัฟกานิสถาน ทำให้นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ตกอยู่ในความกลัว เห็นได้จากดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN Business เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 สิงหาคม) ที่ระบุชัดว่านักลงทุนกำลังตกอยู่ในบ่วงความกลัวขั้นสุดหรือ Extreme Fear

 

แต่อย่างไรก็ตาม แทนที่ตลาดหุ้นจะซบเซา ปรากฏว่า บรรยากาศตลาดวอลล์สตรีทในวันแรกของรอบสัปดาห์ (23 สิงหาคม) กลับปิดตลาดด้วยภาวะที่คึกคักสดใสทำสถิติเกือบแตะระดับสูงสุดตลอดกาล โดยดัชนี S&P 500 ขยับปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สาม สวนทางความกลัวอย่างสิ้นเชิง  

 

นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนในตลาดข้างต้นมาจากความกลัวเช่นกัน แต่เป็นความกลัวที่ตนเองจะตกขบวน (Missing Out) จากภาวะขาขึ้นของตลาดหุ้นที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดง่ายๆ ในเร็ววันนี้

 

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (23 สิงหาคม) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์และความเคลื่อนไหวอนุมัติวัคซีนโควิด บวกกับรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทชั้นนำในตลาด

 

โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 215.63 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 35,335.71 จุด ด้านดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 37.86 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 4,479.53 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 227.99 จุด หรือ 1.55% ปิดที่ 14,942.65 จุด

 

หุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนขยับปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติรับรองวัคซีน Pfizer แบบเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ ทำให้หุ้นของ Pfizer เพิ่มขึ้น 2.4% เช่นเดียวกับหุ้นของพันธมิตรอย่าง BioNTech ที่พุ่งขึ้น 9.5% ส่วน Moderna เพิ่มขึ้น 7.5%

 

ด้านหุ้นของธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยวก็ปรับตัวสดใส โดยสายการบิน Delta Air Lines และ American Airlines เพิ่มขึ้น 2.8 และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่ Carnival ธุรกิจเรือสำราญเพิ่มขึ้น 3.9% และ Norwegian Cruise Line ขยับขึ้น 4.2%

 

ขณะนี้นักลงทุนต่างจับตาไปที่การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระหว่างวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งคาดหมายว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

สัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดันให้ราคาน้ำมันขยับปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ราว 5% หลังจากปรับตัวร่วงหนักติดต่อกัน 7 วันรวด ทำสถิติเลวร้ายสุดนับตั้งแต่ปี 2019 โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 3.32 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 65.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันดิบเบรนต์งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 3.57 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 68.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ส่วนราคาทองคำได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้นักลงทุนหันกลับมาซื้อทองคำมากขึ้น ดันราคาทองคำให้ฟื้นตัวเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 22.30 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,806.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

ในส่วนของภาพรวมตลาดในสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ยังมองในแง่บวก โดยเชื่อมั่นว่า Fed น่าจะยังไม่มีมติหรือการตัดสินใดๆ ที่จะทำให้ตลาดตกใจหรือขวัญเสีย ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิดนับจากนี้จะไม่น่ากังวลเท่ากับการระบาดที่เกิดขึ้นในปี 2020 เพราะปัจจุบันมีวัคซีนแล้ว และรัฐบาลหลายประเทศเริ่มมีมาตรการรับมือที่ดีมากขึ้น

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising