ดัชนีดอลลาร์ซึ่งวัดความเคลื่อนไหวของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองเมื่อวานนี้ (17 สิงหาคม) โดยเพิ่มขึ้นทะลุ 0.6% มาอยู่ที่ 93.119 ขณะที่ค่าเงินยูโร องค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดในดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลง 0.6% มาอยู่ที่ 1.1709 ดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่สกุลเงินเยน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยก็ปรับตัวอ่อนค่าลง 0.3% มาอยู่ที่ 109.56 เยน เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่วนฟรังก์สวิส อีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยก็ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเช่นเดียวกัน
การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจากแรงซื้อของนักลงทุนเป็นผลมาจากความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางปัจจัยเปราะบางที่สั่นคลอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ไล่เรียงตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ความไม่สงบในอัฟกานิสถาน ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังยอดค้าปลีกซบเซา และการยกระดับระเบียบกฎเกณฑ์คุมเข้มบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน
นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนในตลาดเริ่มระมัดระวังและถอนการลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ดังนั้นนอกจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและราคาทองคำที่ขยับขึ้น ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้จึงปรับตัวร่วงลงในแดนลบ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนกรกฎาคมในวันนี้ (18 สิงหาคม) ตามเวลาสหรัฐฯ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว
อ้างอิง: