×

ไขปมโควิดระลอก 4 ในสหรัฐฯ ติดเชื้อวันละเกือบ 100,000 ราย ทั้งที่ฉีดวัคซีนแล้วครึ่งประเทศ เพราะกลุ่มต้านวัคซีนหรือไม่?

04.08.2021
  • LOADING...
สหรัฐฯ

การแพร่ระบาดของโรคโควิดในสหรัฐฯ ที่ปะทุขึ้นเป็นระลอกที่ 4 โดยมีผู้ติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเฉลี่ยวันละกว่า 85,000 คน สูงกว่าการระบาดระลอกที่ 2 เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

 

ปัจจัยสำคัญที่ถูกจับตามองว่าส่งผลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง มาจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้ง่ายและก่อให้เกิดอาการป่วยรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ปกติ ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ กว่า 80% ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ 

 

นอกจากนี้อัตราการฉีดวัคซีนคาดว่าส่งผลสำคัญ โดยหลายรัฐที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ฟลอริดา ลุยเซียนา และมิสซิสซิปปี ล้วนมีอัตราผู้ฉีดวัคซีนในระดับต่ำกว่ารัฐอื่น ขณะที่อีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงและสร้างความกังวลแก่ทางการ คือการแพร่กระจายแนวคิดของกลุ่ม Anti-Vaxxers หรือกลุ่มต่อต้านวัคซีน ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย

 

ภาพรวมสถานการณ์โควิดระลอก 4 ในสหรัฐฯ

 

  • การระบาดระลอกนี้ถือเป็นระลอกที่ 4 โดยมียอดผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมา สูงถึง 85,470 คน (ข้อมูลจาก Reuters COVID-19 Tracker) ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม และเพิ่มจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนกว่า 140% 

 

  • จำนวนผู้เสียชีวิตในรอบ 7 วัน เฉลี่ยอยู่ที่ราว 341 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อน 27%

 

  • ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่กว่า 80% ได้รับเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา 

 

  • ยอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสม ณ ปัจจุบัน (4 สิงหาคม) อยู่ที่กว่า 35 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 612,000 คน

 

สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนไปแค่ไหน เห็นผลอย่างไร?

 

  • สถานการณ์ระบาดที่เลวร้ายลง เกิดขึ้นในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ สูงกว่า 346 ล้านโดส โดยมีประชาชนราว 57.8% ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยโดสแรก และกว่า 49.7% ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส 

 

  • ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของสหรัฐฯ (CDC) ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (2 สิงหาคม) ระบุว่า ประชากรในกลุ่มอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยโดสแรกเกิน 70% แล้ว ซึ่งช้ากว่าเป้าหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งเป้าไว้ในวันที่ 4 กรกฎาคม ตรงกับวันชาติสหรัฐฯ

 

  • ประชากรกลุ่มเสี่ยง อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยโดสแรกแล้วมากถึง 89.9% และได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วกว่า 80%

 

  • อัตราการฉีดวัคซีนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่วันละกว่า 636,000 โดสต่อวัน ซึ่งช้าลงกว่าในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 81%

 

  • วัคซีนหลักที่ใช้ได้แก่ Pfizer-BioNTech, Moderna, Johnson & Johnson

 

  • ผลวิเคราะห์จากมูลนิธิ Kaiser Family Foundation ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ฉีดวัคซีนในแต่ละรัฐของสหรัฐฯ พบว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว มีไม่ถึง 1% ที่เกิดการติดเชื้อโควิด ขณะที่ข้อมูลจาก CDC พบว่าประชาชนที่ติดเชื้อหลังได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส มีเพียงประมาณ 0.004% ที่อาการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล

 

  • ดร.แอนโทนี เฟาซี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคระบาดของทำเนียบขาว ยืนยันความมั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีน ที่สามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยผู้ป่วยโควิดที่เสียชีวิตช่วงเดือนมิถุนายนกว่า 99.2% พบว่าไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

 

กลุ่มต่อต้านวัคซีน ส่งผลให้สถานการณ์แย่ลงหรือไม่?

 

  • ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ระบาดของโควิดระลอกล่าสุดมีความรุนแรง นอกจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา พบว่าการระบาดเพิ่มสูงขึ้นชัดเจนในหลายรัฐทางใต้และตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ เช่น ฟลอริดา เทนเนสซี ลุยเซียนา มิสซิสซิปปี และเซาท์แคโรไลนา โดยทั้ง 5 รัฐนี้มีอัตราฉีดวัคซีนอยู่ที่ 39-49% ซึ่งต่ำกว่ารัฐอื่นๆ

 

  • ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ชี้ว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา จะมีปริมาณไวรัสในระบบทางเดินหายใจมากกว่าการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ปกติถึง 1,000 เท่า ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการป่วยหนักมากกว่า

 

  • โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC เรียกการระบาดระลอกนี้ ว่าเป็นการระบาดของกลุ่มผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

 

  • ทางการสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อประชาชนบางกลุ่มที่ยังลังเลในการฉีดวัคซีน หรือสนับสนุนแนวคิดของกลุ่มต่อต้านวัคซีน (Anti-Vaxxers) ที่ปฏิเสธการรับวัคซีนทุกชนิดเข้าสู่ร่างกาย ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ทั้งการไม่เชื่อว่าวัคซีนจะเป็นแนวทางป้องกันไวรัส และเชื่อว่ามีแนวทางป้องกันและรักษาแบบธรรมชาติที่มั่นใจได้มากกว่า ไปจนถึงความเชื่อด้านศาสนา หรือเชื่อว่าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของรัฐ ตลอดจนเชื่อว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดเพื่อทำกำไรของบริษัทยา ซึ่งบางคนนั้นสุดโต่งถึงขั้นไม่ยอมให้ลูกหลานและคนในครอบครัวฉีดวัคซีนไปด้วย

 

  • ความพยายามของรัฐบาลในการโน้มน้าวให้กลุ่มผู้ไม่เชื่อมั่นหรือลังเลในวัคซีนเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้น ยากกว่าการแนะนำหรือบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่าง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการชักชวนให้คนกลุ่มนี้เข้ารับการฉีดวัคซีนอาจจำเป็นต้องเพิ่มความพยายาม เช่น ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สหรัฐฯ ผลักดันการอนุมัติใช้วัคซีนให้หลากหลายขึ้น หรืออีกทางคือให้แพทย์ในสถานพยาบาลท้องถิ่นเป็นผู้ขอให้คนไข้ของตนเข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากพวกเขามักจะเชื่อมั่นในแพทย์ที่คอยดูแลมากกว่ารัฐบาล

 

ภาพ: Photo by Paul Bersebach/MediaNews Group / Orange County Register via Getty Images)

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising