Pfizer ขึ้นราคาวัคซีนป้องกันโควิดมากกว่าหนึ่งในสี่ และ Moderna ขึ้นราคามากกว่าหนึ่งในสิบ ในสัญญาการซื้อขายวัคซีนล่าสุดที่สองบริษัททำร่วมกับสหภาพยุโรป โดยกระแสเรียกร้องเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและการแพร่กระจายของสายพันธุ์ที่ติดเชื้อได้มากขึ้นอย่างสายพันธุ์เดลตา เป็นปัจจัยผลักดันความต้องการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่มีอยู่ในท้องตลาดเวลานี้
Financial Times รายงานอ้างเอกสารสัญญาและการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปว่า เงื่อนไขของข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนรวม 2.1 พันล้านโดส จนถึงปี 2023 ถูกนำมาเจรจาใหม่ หลังจากข้อมูลการทดลองในระยะที่ 3 แสดงให้เห็นว่าวัคซีนชนิด mRNA (Messenger Ribonucleic Acid) มีอัตราประสิทธิภาพสูงกว่าวัคซีนราคาถูกกว่าที่พัฒนาโดย Oxford-AstraZeneca และ Johnson & Johnson
รายงานระบุว่า ราคาใหม่สำหรับวัคซีนของ Pfizer อยู่ที่ 19.50 ยูโร เทียบกับ 15.50 ยูโรก่อนหน้านี้ ส่วนราคาของวัคซีน Moderna อยู่ที่ 25.50 ดอลลาร์ต่อโดส เพิ่มขึ้นจาก 22.60 ดอลลาร์ (19 ยูโร) ในข้อตกลงการจัดซื้อครั้งแรก แต่ต่ำกว่าราคา 28.50 ดอลลาร์ที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากราคาจะปรับลดลงตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสหภาพยุโรปซึ่งใกล้ชิดกับการเจรจา ระบุว่า ทั้งสองบริษัทอาศัยอำนาจทางการตลาดของตนและใช้สำนวนแบบที่บริษัทยามักใช้กันว่า ‘วัคซีนได้ผล ดังนั้นคุณค่าจึงเพิ่มสูงขึ้น’
สองบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมกวาดเงินเข้ากระเป๋าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ จากการทำข้อตกลงใหม่กับประเทศต่างๆ ที่เร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อฉีดกระตุ้นให้กับประชาชน ท่ามกลางการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้เร็วและง่ายขึ้นมาก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Pfizer ได้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากการขายวัคซีนโควิดประจำปีนี้สูงขึ้นถึงเกือบหนึ่งในสาม เป็น 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากยอดขายวัคซีนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในไตรมาสที่สอง โดย อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานบริหารของ Pfizer กล่าวว่า ราคาวัคซีนสำหรับประเทศที่มีรายได้สูงนั้นอยู่ในระดับที่ ‘พอเทียบเคียงได้’ ขณะที่ประเทศที่มีรายได้ปานกลางจ่ายในราคาครึ่งหนึ่ง และประเทศที่มีรายได้ต่ำนั้นจ่ายในราคาทุน
ทั้งนี้ Pfizer ซึ่งแบ่งผลกำไรกับหุ้นส่วนผู้พัฒนาวัคซีนอย่าง BioNTech ของเยอรมนี คาดว่าจะขึ้นราคาหลังจากการระบาดสิ้นสุดลง
Airfinity บริษัทที่ปรึกษาด้านชีววิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ช่องว่างรายได้ระหว่างบริษัทผู้ผลิตวัคซีนชนิด mRNA กับผู้ผลิตวัคซีนแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนที่ใช้โปรตีนของไวรัสหรือวัคซีนเชื้อตาย จะขยายกว้างขึ้นอีกในปีหน้า โดยบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายวัคซีนของ Pfizer จะแตะที่ 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายของ Moderna อาจแตะ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากทั้งสองบริษัทครองตลาดกลุ่มรายได้สูง ส่วนยอดขายวัคซีนที่ผลิตโดย Oxford-AstraZeneca ซึ่งคิดราคาต้นทุน และเป็นวัคซีนรายใหญ่ที่สุดที่มีการกระจายให้กับประเทศกลุ่มรายได้ต่ำนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า
FT รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปว่า คณะกรรมาธิการยุโรปและรัฐบาลสหภาพยุโรปตกลงที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในยุโรป
อย่างไรก็ดี Moderna ไม่ตอบคำขอที่ขอให้บริษัทแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดการกำหนดราคาวัคซีนในสหภาพยุโรป แต่ระบุว่า การทำสัญญาซื้อวัคซีนในปริมาณน้อยจะทำให้ได้ราคาที่สูงกว่า พร้อมย้ำเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในราคาไม่แพงสำหรับ ‘ประชาชนทุกคน’
ด้าน Pfizer ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับราคา โดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับ
ภาพ: Matic Zorman / Getty Images
อ้างอิง: