ในวันที่ 5 ของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นนอกจากการกระเด็นตกรอบ 3 ของ นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสหญิงเจ้าภาพที่เป็นตัวเก็งของการแข่งขันในเทนนิสหญิงเดี่ยวแล้ว ซิโมน ไบลส์ นักยิมนาสติกหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักยิมนาสติกที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาล ได้ตัดสินใจขอถอนตัวจากการแข่งขันกลางคัน โดยเหตุเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันยิมนาสติกหญิงประเภททีม ซึ่งเธอช็อกทุกคนเมื่อหันไปบอกกับผู้ฝึกสอนว่า “ฉันไม่ต้องการลงแข่ง ฉันพอแล้ว” ก่อนที่จะหันไปขอโทษเพื่อนร่วมทีมทุกคน สวมกอดให้กำลังใจ และยังอยู่ในสนามเพื่อเชียร์เพื่อนต่อไป
แม้จะไม่มีไบลส์ ทีมชาติสหรัฐฯ ยังสามารถคว้าเหรียญเงินมาครองได้ (ทีม ROC ได้เหรียญทองไปครอง) แต่คำถามสำคัญที่ทุกคนอยากรู้และจับตาดูคือ ราชินียิมนาสติกวัย 24 ปี จะกลับมาทำการแข่งขันต่อหรือไม่ในประเภทรวมอุปกรณ์ในวันพฤหัสบดีนี้
และเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?
ความคาดหวังที่กลายเป็นยาพิษ
ด้วยความที่เธอกวาดแชมป์ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกมาได้ถึง 19 เหรียญ เป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกมา 4 เหรียญ ทำให้ก่อนหน้าที่จะลงแข่งขันในรายการโตเกียวโอลิมปิกครั้งนี้ ทุกคนจึงคาดหวังว่าเธอจะมาสร้างตำนานบทใหม่อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะการกวาดเหรียญทองครบ 6 เหรียญ ในการแข่งขันยิมนาสติกครั้งนี้ ซึ่งหากทำได้จะทำให้เธอกลายเป็นสุดยอดนักยิมนาสติกที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาลเพียงคนเดียวอย่างแท้จริง ประหนึ่ง ไมเคิล เฟลป์ส ของวงการว่ายน้ำ หรือ ยูเซน โบลต์ ของวงการกรีฑา
แต่ความคาดหวังจากทุกคนนั้นค่อยๆ กดทับหัวใจของไบลส์ จนสุดท้ายเธอก็ยอมรับว่าเธอรับมันไม่ไหวอีกต่อไป
“ฉันไม่เชื่อตัวเองมากเท่าที่ฉันเคยเชื่อ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอายุหรือเปล่า ฉันรู้สึกประหม่ามากขึ้นเมื่อลงแข่งยิมนาสติก ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สนุกกับมันอย่างที่ฉันเคยเป็น” ไบลส์กล่าว
“การแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้คือสิ่งที่ฉันหวังเอาไว้ว่าจะทำเพื่อตัวเอง แต่เมื่อมาถึงแล้วฉันกลับรู้สึกว่าฉันกำลังทำเพื่อคนอื่นอยู่ มันทำให้ฉันเจ็บใจกับการทำสิ่งที่ฉันทำด้วยความรักถูกพรากออกไปเพื่อทำให้ทุกคนพอใจ”
เบื้องหลังแรงกดดันของราชินียิมนาสติก
ในเบื้องหน้า ไบลส์ได้รับการยกย่องว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังที่สุดของการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้เคียงคู่กับ โนวัค ยอโควิช และ นาโอมิ โอซากะ และเป็นขวัญใจของชาวอเมริกันด้วยความเก่งกาจระดับมหัศจรรย์ของเธอ รวมถึงรอยยิ้มสดใสของเธอที่ว่ากันว่าเด็กที่เห็นรูปของเธอในซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังต้องยิ้มตอบเพราะคิดว่าเจอคนที่กำลังยิ้มให้จริงๆ
แต่ในเบื้องหลังแล้วซูเปอร์สตาร์ผู้นี้แบกรับความกดดันหนักหน่วงมาโดยตลอด ไม่นับสิ่งที่กระทบใจเธอไม่น้อย เธอต้องให้คำปรึกษาเกี่ยวกับคดีอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์วงการยิมนาสติกของ แลร์รี นาสซาร์ อดีตแพทย์ประจำทีมที่กระทำการอนาจารล่วงละเมิดทางเพศแก่นักยิมนาสติกนับร้อยคน
สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมถึงการเก็บตัวฝึกซ้อมและต้องลงแข่งขันในยุคโควิดที่ไม่มีผู้ชมในสนาม ทำให้ไบลส์ยอมรับว่าเธอ ‘สติแตก’ และไม่สามารถรับมือกับอารมณ์และความรู้สึกที่ต่อสู้กันอยู่ในหัวของตัวเอง
ทั้งนี้ ไบลส์ยืนยันว่าโค้ชสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ เพราะรู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างและไม่คิดว่าการฝืนแข่งต่อไปจะเป็นสิ่งที่ควรทำ
“พวกเขาเห็นตรงกันว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะเจ็บปวดต่อไปกับเรื่องที่โง่มากๆ ต่อให้มันเป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่มากอย่างโอลิมปิกเกมส์ก็ตาม”
“แต่ที่สุดแล้วเราก็อยากจะเดินออกจากสนามเองได้ ไม่ใช่ถูกหามออกไป”
ไบลส์ยังไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะกลับมาทำการแข่งขันในประเภทรวมอุปกรณ์ในวันอาทิตย์นี้ แต่ซูเปอร์สตาร์สาววัย 24 ปี ได้ทิ้งปริศนาเอาไว้เมื่อถูกถามถึงเป้าหมายสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกของเธอในครั้งนี้
“ฉันจะสนใจในความเป็นอยู่ที่ดีของตัวฉันเองก่อน เพราะชีวิตมันมีอะไรมากกว่าแค่การเล่นยิมนาสติก”
สุขภาพจิตนักกีฬาคือสิ่งที่โลกต้องใส่ใจ
การออกมายอมรับความพ่ายแพ้ต่อหัวใจตัวเองของไบลส์ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั้งโลกควรจะตำหนิติเตียนหรือตั้งข้อสงสัย
หากแต่มันกำลังนำไปสู่การตั้งคำถามใหญ่อีกครั้งของวงการกีฬาว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้ดูแลหัวใจและความรู้สึกของนักกีฬาดีพอหรือยัง
เพราะก่อนหน้าไบลส์จะยอมรับว่าตัวเองมีปัญหา ไม่ถึง 2 เดือนก่อนหน้า นาโอมิ โอซากะ เองก็เป็นคนจุดประกายในประเด็นนี้ขึ้นมาว่าทุกคนควรจะปฏิบัติกับนักกีฬาให้เหมือนกับคนธรรมดา เพราะนักกีฬาเองก็เจ็บได้ร้องไห้เป็น
และก่อนหน้านั้น ไมเคิล เฟลป์ส ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเองก็เคยประสบปัญหาแบบเดียวกันมาก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่านักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
ปัญหาคือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยความเป็นนักกีฬาที่มีภาพลักษณ์ต้องแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้การยอมรับว่าตัวเองมีหัวใจอ่อนแอเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาดในวงการกีฬา
แต่ดูเหมือนสิ่งต้องห้ามจะเริ่มถูกทลายลงไป เริ่มจากการเป็นผู้เปิดประเด็นของโอซากะ ซึ่งมีผลอย่างยิ่งที่ทำให้ไบลส์เริ่มมั่นใจมากขึ้นว่านี่คือสิ่งที่เธอจะสามารถเปิดเผยได้เช่นกัน
“เธอเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่” ไบลส์กล่าว “ไม่กี่วันก่อนฉันได้ดูสารคดีของเธอทาง Netflix และมันก็ได้ฉายแสงลงมายังเรื่องนี้ เธอคือหนึ่งในสุดยอดนักกีฬาของโลกและเธอยอมถอยออกมา แล้วลองมองดูเธอในตอนนี้ เธอได้กลับมาโอลิมปิกอีกครั้ง ดังนั้นบางครั้งมันก็โอเคที่จะยอมถอยบ้างแม้จะเป็นรายการที่สำคัญที่สุดก็ตาม”
ไบลส์หวังว่าหลังจากนี้ประเด็นเรื่องของสภาพจิตใจของนักกีฬาจะเป็นสิ่งที่ได้รับการใส่ใจดูแลมากขึ้น
“เราไม่ได้เป็นแค่นักกีฬา ที่สุดแล้วเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” ราชินียิมนาสติกล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/sport/2021/jul/27/simone-biles-withdraws-tokyo-2020-olympics-gymnastics-all-around-final
- https://www.theguardian.com/sport/2021/jul/27/simone-biles-naomi-osaka-highlight-24-hour-rolling-hell-big-sport-tokyo-olympics
- https://www.reuters.com/lifestyle/sports/biles-spotlights-mental-health-tokyo-covid-cases-hang-over-games-2021-07-28/