รัฐบาลอังกฤษจะเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินเป็นเวลาหลายทศวรรษจากการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิดเป็นจำนวนเงินสูงถึง 372 พันล้านปอนด์ ตามรายงานของสมาชิกสภานิติบัญญัติที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ พร้อมทั้งระบุด้วยว่าค่าใช้จ่ายมากกว่า 2 พันล้านปอนด์ถูกใช้ไปกับอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่ใช้การไม่ได้
คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ (Public Accounts Committee :PAC) ของรัฐสภา ระบุในรายงาน 2 ฉบับเกี่ยวกับการรับมือโรคโควิดของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะเปิดไต่สวนสาธารณะตามกำหนดในปี 2022
เม็ก ฮิลเลียร์ ประธาน PAC กล่าวว่า “เนื่องด้วยจำนวนเงินที่ใช้จ่ายไปกับมาตรการโควิดนั้นเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีความชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้ว่าจะจัดการจำนวนเงินก้อนนี้อย่างไรต่อไปในอนาคต และในช่วงเวลาใด
“ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้เสียภาษีจะดำเนินไปเป็นเวลา 20 ปี เช่น สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูศิลปะและวัฒนธรรม นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความเสี่ยงใหม่อื่นๆ ที่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลต้องเรียนรู้ที่จะจัดการอย่างรวดเร็ว”
PAC ยังได้ชี้ให้เห็นถึงมูลค่าความเสียหายราว 26 พันล้านปอนด์ จากการฉ้อโกงและการผิดนัดชำระหนี้จากสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาคธุรกิจเพื่อช่วยรับมือกับการระบาด โดยเป็นตัวอย่างของความเสี่ยงทางการเงินที่กำลังดำเนินอยู่
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังระบุในรายงานฉบับที่ 2 ด้วยว่า มีการใช้จ่ายสิ้นเปลืองในระดับสูงอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ โดยมีการซื้ออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่ไม่เหมาะสมเป็นจำนวนถึง 2.1 พันล้านรายการ ซึ่งคิดเป็นเงินงบประมาณมากกว่า 2 พันล้านปอนด์
อย่างไรก็ดี รัฐบาลชี้แจงว่า จากชุด PPE ทั้งหมดนั้นมีเพียง 0.84% ที่พบว่าใช้งานไม่ได้ และมีแผนที่จะนำอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ในทางการแพทย์และสาธารณสุขไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นแทน
“เรามีกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลนั้นคุ้มค่าเงินภาษีของประชาชน” โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
ด้านพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า ข้อค้นพบนี้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมถึงความล้มเหลวของรัฐบาล และกล่าวว่าการไต่สวนเกี่ยวกับโควิดจำเป็นต้องเริ่มต้นทันที
ภาพ: Mike Kemp / In Pictures via Getty Images
อ้างอิง: