×

‘พาวเวลล์’ ยันเงินเฟ้อที่สูงในปัจจุบันไม่น่ากังวล ย้ำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีปัญหาเรื่องการฟื้นตัว

15.07.2021
  • LOADING...
Jerome Powell

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงแสดงความเห็นเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และข้อมูลด้านบทบาทของธนาคารสำหรับการปรับปรุงปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมถึงตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 กรกฎาคม) โดยมีประเด็นหลักอยู่ที่เรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งพาวเวลล์ระบุชัดว่า แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจะพุ่งสูงจนน่าตกใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด

 

โดยประธาน Fed กล่าวว่า เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการที่สภาพเศรษฐกิจอยู่ในระหว่างการฟื้นตัว และมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่ตัวเลขเงินเฟ้อจะค่อยๆ ชะลอตัวลง ขณะเดียวกันพาวเวลล์ยังใช้โอกาสนี้ส่งสัญญาณยืนยันว่า Fed จะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในเร็ววันนี้แน่นอน

 

ทั้งนี้พาวเวลล์อธิบายว่า เมื่อเอ่ยถึง ‘ภาวะเงินเฟ้อ’ ในความหมายของ Fed หมายถึงว่าราคาสินค้าแพงขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี ดังนั้นถ้าเป็นราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่ง Fed จะไม่ตอบสนองหรือดำเนินการใดๆ อย่างการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะการกระทำดังกล่าวจะเป็นความเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอ่อนแอลง และสำหรับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในช่วงเวลานี้เป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด ซึ่ง Fed เชื่อว่าราคาสินค้าจะลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามกลไกและสภาวะของตลาด โดย Fed คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงต่อเนื่องจะเริ่มอ่อนตัวลงในช่วงข้างหน้า

 

ความเห็นของพาวเวลล์เกี่ยวกับเงินเฟ้อในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลของบรรดานักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่กำลังวิตกว่าราคาสินค้าและต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นจะกลายเป็นภาระหนักซ้ำเติมพลเรือนชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด โดยตัวเลขของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมิถุนายนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

ในส่วนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา พาวเวลล์กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศยังคงมีปัญหาในเรื่องของการฟื้นตัว พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯ ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแก้ไขปัญหาในตลาดแรงงานที่หดตัวอย่างหนักได้ โดยช่วงที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด มีตำแหน่งงานหายไปถึง 7.5 ล้านตำแหน่ง สร้างความเสียหายต่อแรงงานชั้นล่างและผู้มีรายได้น้อยของประเทศ

 

ด้วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ไม่แน่นอน พาวเวลล์ระบุว่า Fed ยังจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำไปจนกว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวจากตลาดแรงงานอย่างชัดเจน และอัตราเงินเฟ้อทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2% ซึ่งในมุมมองของประธาน Fed เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงห่างจากภาวะที่แสดงให้เห็น ‘ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ’ ตามที่ Fed ต้องการเห็นก่อนตัดสินใจลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการซื้อคืนพันธบัตรรายเดือนมูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะช่วยกระตุ้นให้มีการกู้ยืม ลงทุน และใช้จ่าย

 

ด้านสมาชิกคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ขอให้ประธาน Fed ชี้แจงความหมายของคำว่า ‘ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ’ ซึ่งพาวเวลล์ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะระบุให้ชัดเจนได้ แต่ Fed จะเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีประเด็นหลุดรอดสายตา พร้อมกล่าวว่า Fed อาจจะมีการปรับนโยบายเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อหรือความคาดหวังของสาธารณชนที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อ “กำลังเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องเกินระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายของ Fed” โดยความคาดหวังของชาวอเมริกันที่มีต่อเงินเฟ้อถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ เนื่องจากจะเป็นตัวผลักดันให้ชาวอเมริกันเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงเพื่อชดเชยราคาสินค้าที่แพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม

 

พาวเวลล์ย้ำชัดว่า การซื้อคืนพันธบัตรของธนาคารกลางและการรักษาระดับดอกเบี้ยให้ต่ำอยู่ใกล้ 0% จะช่วยให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่านโยบายการเงินจะยังคงทำหน้าที่สนับสนุนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จนกว่ากระบวนการฟื้นตัวจะเสร็จสมบูรณ์

 

สำหรับมุมมองภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ ประธาน Fed แสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจของประเทศจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากภาวะปกติพอสมควร

 

ท่าทีและความเห็นของพาวเวลล์ในครั้งนี้สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า และพาวเวลล์เองก็เลี่ยงไม่กล่าวถึงความเสี่ยงจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยระบุแต่เพียงว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป เพราะได้แรงหนุนจากสภาวะด้านสาธารณสุขของประเทศที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

 

ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดจะเข้าพบคณะกรรมาธิการด้านกิจการธนาคารวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (15 กรกฎาคม)

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X