บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH หนึ่งในผู้นำธุรกิจคอนกรีตอัดแรง เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 203.50 ล้านหุ้น กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 2.78 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 14.14 เท่า เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก 23 กรกฎาคมนี้ นำเงินระดมทุน 550 ล้านบาทก่อสร้างโรงงานใหม่และขยายกำลังการผลิต
รัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำการเสนอขายหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า STECH ได้กำหนดราคาเสนอขายเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 203.50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.78 บาทเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO วันที่ 13-16 กรกฎาคมนี้ และกำหนดวันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายคือ ‘STECH’ เข้าเทรดในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง
การกำหนดราคา IPO ที่ 2.78 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 14.14 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นจากกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
ในปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นจากภาพรวมอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากงานโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศของภาครัฐที่เป็นเมกะโปรเจกต์ที่จะทยอยออกมาค่อนข้างมาก ทำให้ในปัจจุบันค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนปัจจัยบวกด้านอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ STECH ได้ลงนามแต่งตั้ง บล.เคทีบีเอสที, บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ช่วยผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บล.เอเอสแอล จํากัด และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), บล.คิงส์ฟอร์ด, บล.โกลเบล็ก, บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล. เอเซีย พลัส, และ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า STECH มีจุดเด่นที่ผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญ และอยู่ในวงการมากว่า 35 ปี และมีเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำทางด้านคอนกรีตอัดแรงรายใหญ่ของประเทศ
ปัจจุบันมีโรงงานคอนกรีตอัดแรงมากถึง 9 แห่ง และจะขยายเป็น 10 แห่งในสิ้นปีนี้ และ 11 แห่งในปี 2567 สะท้อนการเป็นหุ้นเติบโตแบบ Growth Stock ประกอบกับนโยบายการจ่ายปันผลที่ดีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%
ผลประกอบการมีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปี (ปี 2561-2563) อยู่ที่ 85.74 ล้านบาท 93.23 ล้านบาท และ 140.60 ล้านบาทตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไร 4.75% 5.44% และ 9.07% ตามลำดับ ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,804.54 ล้านบาท 1,712.83 ล้านบาท และ 1,550.33 ล้านบาท ตามลำดับ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและมุ่งเน้นการเติบโตของกำไรเป็นสำคัญ
ส่วนไตรมาส 1/63 เทียบไตรมาส 1/64 STECH มีกำไรสุทธิ 30.98 ล้านบาท และ 32.89 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.51% และ 8.23% ตามลำดับ มีรายได้รวมอยู่ที่ 412.42 ล้านบาท และ 399.90 ล้านบาท ตามลำดับ
วัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STECH กล่าววว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวนประมาณ 550 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้ขยายธุรกิจเสาคอนกรีตอัดแรงประมาณ 298 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่จังหวัดชลบุรี สาขา 2 ประมาณ 58 ล้านบาท ภายในปี 2564 โครงการขยายกำลังการผลิตโรงงานดอนพุด 45 ล้านบาท ภายในปี 2565 โครงการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่จังหวัดมุกดาหาร ประมาณ 80 ล้านบาท ภายในปี 2566 โครงการซื้อรถขนส่งผลิตภัณฑ์คอนกรีต 50 ล้านบาท ภายในปี 2564 และโครงการซื้อเครื่องกดกันสั่นสะเทือน 65 ล้านบาท ภายในปี 2564
นอกจากนี้ใช้สำหรับโครงการพัฒนาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต 10 ล้านบาท และใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินจากสถาบันการเงิน 220 ล้านบาท รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท 22 ล้านบาทภายในปี 2564