เมื่อวานนี้ (2 กรกฎาคม) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการรับวัคซีนโควิดว่า ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2564 มีการฉีดวัคซีนโควิดรวม 9.1 ล้านโดส พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงหลังฉีดวัคซีนจำนวน 1,148 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาแล้วเสร็จ 354 ราย อยู่ระหว่างติดตามข้อมูล 794 ราย โดยพบว่า
- เป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน 67 ราย ทุกรายรักษาหายแล้ว ไม่มีผู้เสียชีวิต
- การมีปฏิกิริยาร่างกายต่อการฉีดวัคซีน (ISRR) 210 ราย ทุกรายหายเป็นปกติ ไม่มีผู้เสียชีวิต
- เป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน 43 ราย
- เหตุการณ์ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม 7 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนโควิดในประเทศต่างๆ อยู่ในภาวะฉุกเฉิน เป็นการฉีดเพื่อป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิต ซึ่งวัคซีนที่นำมาฉีดนั้นผ่านการประเมินความปลอดภัยของวัคซีน เริ่มตั้งแต่ช่วงที่มีการวิจัยแล้วมีการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและผู้ที่ได้รับวัคซีนหลอก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผ่านแล้วพบว่าวัคซีนโควิดทุกชนิดมีความปลอดภัยสูงมาก อันตรายจากการแพ้ถึงขั้นรุนแรงมีน้อยมาก การเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนมักเป็นเหตุร่วม ทั้งนี้จากข้อมูลของประเทศอังกฤษพบว่ามีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก ทำให้ผู้เสียชีวิตจากโควิดมีจำนวนต่ำ ผู้ติดเชื้อนอนโรงพยาบาลเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งการฉีดวัคซีนร้อยละ 25 จะช่วยลดการเสียชีวิต และถ้าฉีดวัคซีนได้ร้อยละ 50 จะช่วยลดการป่วยและป่วยอาการหนัก
ดังนั้นขณะนี้ประเทศไทยจึงเปิดให้ผู้สูงอายุที่ไม่ได้ลงทะเบียนหมอพร้อม On Site เข้ามาฉีดวัคซีนได้ตามจุดต่างๆ ที่กำหนดให้มากขึ้น