Nike รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 (ของปีงบการเงินไนกี้) ซึ่งทำรายได้สูงเกินตัวเลขที่บรรดาเหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนสำคัญมาจากยอดขายที่เติบโตของตลาดเจ้าใหญ่อย่างอเมริกาเหนือ
บริษัทมองว่ายอดขายที่ดีเกินคาดนี้ยังคงมีอยู่ในปีหน้า โดยพิจารณาจากอนาคตที่สดใสของกลุ่มสินค้าผู้หญิง ธุรกิจเสื้อผ้า และความนิยมของแบรนด์ Jordan
ด้วยผลพวงของโรคโควิด-19 ทำให้ชุดออกกำลังกายที่ใส่อยู่บ้านและสินค้าที่ใส่สบาย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือกางเกงยืด เป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองหา ส่งผลให้ Nike ยังคงทำกำไรจากสินค้าเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Nike ยังเร่งกลับมาผลักดันธุรกิจค้าส่งในห้างที่เป็นพาร์ตเนอร์หลัก ได้แก่ DICK’S Sporting Goods, Foot Locker และ JD Sports หลักจากได้รับผลกระทบจากห้างที่ถูกปิด ทำให้เครื่องจักรต้องหยุดผลิตชั่วคราวในช่วงล็อกดาวน์
ในไตรมาสที่ 4 ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม Nike มีรายได้สุทธิ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่ขาดทุน 790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเกินการคาดการณ์จากการประเมินของ Refinitiv โดยหลังจากการรายงานผลประกอบการที่เกินคาดนี้ทำให้มูลค่าหุ้นของ Nike ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปถึง 12%
การที่ผู้คนเริ่มออกมาใช้จ่ายมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เป็นผลให้ยอดขายในอเมริกาเหนือที่นับเป็นตลาดแห่งใหญ่ที่สุดของ Nike เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวอยู่ที่ 5.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดขายในภูมิภาคต่างๆ เติบโตขึ้นกว่า 29% เมื่อเทียบกับปี 2019
แม้แต่ในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เองที่ผู้บริโภคพยายามคว่ำบาตรแบรนด์สินค้าฝั่งตะวันตก รวมถึง Nike ที่เคยออกมาแสดงความกังวลต่อการข้อกล่าวหากรณีการใช้แรงงานในเมืองซินเจียง อย่างไรก็ดี แดนมังกรยังถือว่าเป็นตลาดที่โตเร็วที่สุดของ Nike เห็นได้จากยอดขายไตรมาสล่าสุดซึ่งอยู่ที่ 1.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้น 17%
ในช่วงของโรคระบาด ยอดขายออนไลน์เติบโตกว่า 41% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นสูงถึง 147% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ทั้งนี้ บริษัทกล่าวว่า รูปแบบธุรกิจแบบประเภทสมาชิกมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการทำตลาดออนไลน์ ปัจจุบัน Nike มีจำนวนลูกค้าสมาชิกทั้งหมดกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก
ในปีงบประมาณ 2022 Nike มีการประเมินรายได้ที่มากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ประมาณ 4.85 หมื่นล้านดอลลาสหรัฐ Matt Friend CFO ของบริษัทมีความเห็นว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 จะมีแนวโน้มเติบโตเร็วกว่าครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ Nike ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2022 จะยังคงได้รับผลกระทบจากความล่าช้า ของซัพพลายเชนและต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และคนขับรถบรรทุก ที่เกิดผลกระทบต่อกระบวนการจัดส่งสินค้ามายังบ้านลูกค้า
ปัจจุบันราคาหุ้นตกลงจากไตรมาสแรก 5% มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทอยู่ที่ 2.11 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง: