วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการจัดการของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ที่ระบุถึงความชื่นชมและสนับสนุนถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีเรื่องการเตรียมเปิดประเทศไทยทั้งประเทศภายใน 120 วัน
“นโยบายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีในการวางแผนและกระบวนการที่สมเหตุสมผลและรอบคอบของทางภาครัฐ ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปที่ธุรกิจได้รับผลกระทบและเกิดความเดือดร้อนจากการสูญเสียรายได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสืบเนื่องจากการปิดประเทศ”
ผู้ก่อตั้งไมเนอร์ระบุว่า การกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้นกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทยเองก็เช่นกัน และในขณะเดียวกันโควิด-19 ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมอย่างแยกจากกันไม่ได้ ซึ่งพวกเราจำเป็นจะต้องเผชิญหน้าและอาจจะต้องอยู่กับโรคระบาดนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะเปิดประเทศ หลังจากที่สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ (เช่น ในแถบสหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง และทวีปอเมริกา) ประสบความสำเร็จจากการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศที่ควบคุมโรคระบาดได้ค่อนข้างดี”
ส่วนที่สำคัญที่สุดของทุกการเดินทางคือก้าวแรก ซึ่งในกรณีของการเปิดประเทศไทยอีกครั้ง ก้าวแรกที่สำคัญนั้นคือโครงการ Phuket Sandbox ซึ่งถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่โครงการนี้จะต้องสามารถเปิดตัวได้ตามกำหนดเวลาที่วางไว้และมีการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพตามความคาดหวังของนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่จะกลับเข้ามา
โดยการเปิดภูเก็ตในครั้งนี้ควรเปิดให้กับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วทุกคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และหลังจากนั้นกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศ และข้อกำหนดในการจำกัดการเคลื่อนย้ายของผู้คนต่างๆ รวมไปถึงระยะเวลาของการกักตัวก็ควรได้รับการพิจารณาเพื่อผ่อนคลายเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกกระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry หรือ COE) สำหรับผู้เดินทางที่ต้องการเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารูปแบบโครงการที่จะประสบความสำเร็จนี้ก็จะสามารถนำไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า