จากกรณีที่โรงพยาบาลนมะรักษ์ โรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยศาสตร์มะเร็งขนาดเล็ก โพสต์เฟซบุ๊กประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยระบุเหตุผลว่าไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขสำหรับรอบวันที่ 14-20 มิถุนายน พร้อมทิ้งท้ายว่าหากมีข้อสงสัยโปรดสอบถามที่คอลเซ็นเตอร์ของโรงพยาบาลหรือติดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง จนทำให้เกิดการแชร์ภาพประกาศดังกล่าวเป็นจำนวนมากในโซเชียลมีเดีย
ล่าสุด 13.32 น. วันนี้ (13 มิถุนายน) รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนมะรักษ์ ได้ชี้แจงเบื้องหลังการโพสต์ประกาศดังกล่าวผ่านการไลฟ์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า โรงพยาบาลนมะรักษ์ถือเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเป็นหลัก ซึ่งการโพสต์ประกาศดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของตนในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาล ไม่ได้เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด
โดยส่วนตัวมองว่าการฉีดวัคซีนเหมือนการจองตั๋วคอนเสิร์ต ในแง่ของทรัพยากรที่มีจำกัด เมื่อทุกคนอยากฉีดวัคซีนในวาระที่การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เพราะฉะนั้นส่วนตัวมองเห็นความยากลำบากของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานอนามัย กทม. และโรงพยาบาลทุกแห่ง ซึ่งพบปัญหาตั้งแต่การลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม การปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากประสบปัญหา แต่อย่างไรก็ตามหากมีการสื่อสารที่ดีเชื่อว่าประชาชนจะสามารถเข้าใจได้
รศ.พญ.เยาวนุช ยังกล่าวถึงการจัดสรรวัคซีน โดยในมุมมองของโรงพยาบาลที่มีหน้าที่จัดคิวการฉีดวัคซีน จึงมีหน้าที่รับหน้าเสื่อโดยตรง หลายโรงพยาบาลเฝ้ารอการจัดสรรวัคซีนอย่างมีความหวัง แต่เมื่อยอดจัดสรรไม่มาตามที่กำหนดไว้ จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่แต่ละโรงพยาบาลจะต้องแจ้งกับผู้จองคิวฉีดวัคซีน เพราะปัญหาจะตกอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่สื่อสารกับประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีประชาชนบางส่วนที่ไม่พอใจ และระบายความโกรธกับเจ้าหน้าที่
ดังนั้นการโพสต์ข้อความที่ระบุว่า ให้ติดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีน เป็นเพราะทุกคำถามที่ประชาชนถามเข้ามา เช่น จะได้วัคซีนเมื่อไร จะถูกเลื่อนไปเป็นเมื่อไร ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่โรงพยาบาลตอบไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีคำถาม เช่น ทำไมฉันไม่ได้ ทำไมที่โน่นได้ ทำไมบางจังหวัดได้ ทำไมบางที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงได้ ทำไมคนที่แข็งแรงถึงได้ฉีดก่อน ซึ่งโรงพยาบาลไม่สามารถให้คำตอบเหล่านี้ได้จริงๆ
“อันนี้คือคำถามที่ต้องตอบในเชิงนโยบาย จึงเป็นที่มาของข้อความ ‘ติดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง’ ในมุมของหมอหมอมองว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นเชิงนโยบาย เพราะต้องมีนโยบายในการจัดสรรว่าจะจัดสรรไปให้ใคร อย่างไร แล้วพอประชาชนถามโรงพยาบาลเราตอบไม่ได้จริงๆ ขณะที่การแถลงข่าวบอกว่าวัคซีนมีพอ นี่จึงเป็นที่มาว่าถ้าอยากจะถามประเด็นนี้ต้องถามรัฐมนตรี” รศ.พญ.เยาวนุชกล่าว
นอกจากนี้ รศ.พญ.เยาวนุชยังเปิดเผยว่าจากการโพสต์ประกาศดังกล่าวทำให้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อผ่านลูกน้องมาว่า รัฐมนตรีฯ และอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพไม่พอใจ และจะฟ้องเกี่ยวกับข้อความดังกล่าว โดยให้ลบข้อความเก่าและลงข้อความใหม่แบบถูกต้องพร้อมขอโทษ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่โต จึงติดต่อพูดคุยกับอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งท่านก็พูดจาด้วยดีในฐานะหมอด้วยกัน และอธิบายให้เข้าใจว่าไม่ใช่ว่าท่านรัฐมนตรีไม่พอใจ แต่ท่านไม่สบายใจเพราะเราเข้าใจผิด เพราะจริงๆ กระบวนการจัดสรรวัคซีนไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านรัฐมนตรี เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีน แต่การจัดสรรวัคซีนต้องขึ้นอยู่กับ กทม. ซึ่งตัวเองได้ชี้แจงกับอธิบดีฯ ไปว่า จริงๆ แล้วตนไม่มีเจตนาอื่นใด ส่วนตัวเข้าใจได้ว่าวัคซีนมีจำกัด เพียงแต่โรงพยาบาลต้องการข้อเท็จจริงเพื่อจะได้นำมาชี้แจงกับประชาชน
“ทุกคนต้องการข้อเท็จจริงว่าตกลงว่าวัคซีนทั้งหมดมีเท่าไร ท่านใช้เกณฑ์อย่างไรในการจัดสรร จัดสรรไปพื้นที่ไหนเท่าไร พื้นที่เสี่ยงได้เท่าไร พื้นที่ที่ไม่เสี่ยง แต่อาจจะมีในเชิงยุทธศาสตร์เท่าไร สมมติสัปดาห์หน้าเราไม่ได้รับวัคซีนเพราะเหตุผลอะไร หมอว่าประชาชนเข้าใจได้ แล้วจะได้รับเมื่อไร เพราะโรงพยาบาลต้องนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงกับประชาชนที่ถามโรงพยาบาลเข้ามาเหมือนกัน ถ้ารัฐบาลชี้แจงด้วยข้อเท็จจริง หรือรัฐมนตรีชี้แจงแบบนี้ อย่าไปใส่อารมณ์ค่ะ อย่าไปคิดว่าเรื่องนี้เป็นอารมณ์ ชี้แจงเลยค่ะ หมอว่าประชาชนเข้าใจได้” รศ.พญ.เยาวนุชกล่าว
อย่างไรก็ตามในภายหลัง โรงพยาบาลนมะรักษ์ได้ลบประกาศดังกล่าว และแทนที่ด้วยประกาศใหม่ที่แก้ไขข้อความจาก ‘ติดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง’ เป็น ‘ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง’ โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลนมะรักษ์ชี้แจงว่า ส่วนตัวได้แจ้งกับอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพไปว่า การให้ลบโพสต์ หากใช้วิธีนี้ผลลบจะอยู่กับท่าน เพราะประกาศดังกล่าวถูกสื่อสารออกไปในวงกว้างแล้ว ส่วนกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงในภายหลังว่ากระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีน ส่วนจะจัดสรรอย่างไรเป็นหน้าที่ของ กทม. จึงขอถามต่อไปที่ กทม. เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กทม. ต้องตอบแล้วว่าการจัดสรรเป็นอย่างไร
“แม่ทัพในการกำหนดนโยบายเป็นท่านรัฐมนตรีหรือเปล่า แต่ถ้าท่านบอกว่าไม่ใช่ เป็น ศบค. ก็ไม่เป็นไรค่ะ เป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นโดยเจตนาสำหรับโพสต์แรก เพราะเป็นประเด็นที่ตอบไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมการจัดสรรถึงเป็นแบบนี้ คิดว่าประเด็นนี้คงจบเท่านี้ วันนี้มีผู้สื่อข่าวหลายสำนักมารอที่โรงพยาบาล ก็ตกใจพอสมควร เพราะไม่ได้คิดว่าจะออกสื่อแบบนั้น แล้วก็เป็นการรบกวนผู้ป่วยพอสมควร ขออนุญาตไม่ให้ข่าวอีก
“หลังจากนี้ขอวิงวอนให้รัฐบาลให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา มีก็บอกว่ามี มีไม่พอก็บอกว่าไม่พอ จะมาประมาณเมื่อไร ประชาชนเข้าใจได้ หมอยังเป็นกำลังใจ หมอทราบว่าคนในกระทรวงสาธารณสุขทุกท่าน ในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน ทำงานเหนื่อยหมด แต่ศึกครั้งนี้ไม่ได้ต้องการแค่การทำงานอย่างเดียว แต่ต้องการนโยบายที่แน่ชัด ต้องการการสื่อสารที่ชัดเจน ฉับไว ท่านอย่าปล่อยให้คนหน้างานเขาเดียวดาย แล้วเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง” รศ.พญ.เยาวนุชกล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: