วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเมินทิศทางราคาทองคำเดือนมิถุนายน หากผ่านแนวต้าน 1,903-1,917 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ มีลุ้นไปต่อ แต่หากยืนไม่ไหวใช้เป็นโอกาสเข้าซื้อที่แนวรับ 1,869-1,855 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เหตุสัญญาณระยะยาวยังไปได้ แนะจับตาผลการประชุม Fed ช่วงกลางเดือน หากส่งสัญญาณลดการทำ QE เร็วกว่าคาดอาจมีผลกระทบราคาทองคำ
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายน (ครึ่งเดือนหลัง) มีปัจจัยที่ต้องจับตาคือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยเฉพาะประเด็นของการประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาประเด็นเหล่านี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และส่งผลดีต่อราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น
การประชุมในครั้งนี้จึงมีความสำคัญกับทิศทางการเคลื่อนไหวของทองทำในช่วงที่เหลือของปี เพราะหากมีการส่งสัญญาณลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบหรือการลดวงเงิน QE เร็วกว่าที่คาด ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ
อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังต้องจับตาใกล้ชิด เพราะแม้ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ จะฟื้นตัวขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่มองว่ายังคงห่างไกลจากเป้าหมายของ Fed
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้หากสามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,903-1,917 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 28,000-28,250 บาทต่อบาททองคำ ก็จะเป็นสัญญาณไปต่อได้ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้แนะนำให้ขายทำกำไรออกมาก่อน
ในทางกลับกันหากราคาทองคำหลุดแนวต้านและปรับตัวลดลง แนะนำให้เข้าซื้อได้แนวรับ 1,869-1,855 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือเข้ารับที่ใกล้บริเวณ 27,500-27,350 บาทต่อบาททองคำ เพราะในระยะยาวสัญญาณทองคำยังเป็นบวก
สำหรับเดือนมิถุนายน (ครึ่งเดือนแรก) แม้ราคาทองคำจะปรับตัวสลับแดนบวกและแดนลบแต่ยังถือว่าเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยในช่วงต้นเดือนราคาทำระดับสูงสุดที่ 1,917 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แต่ยังสามารถเคลื่อนไหวไม่ไกลจาก 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
โดยแรงขายส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยการขายทำกำไรทางเทคนิค นอกจากนี้กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มกลับมาทำการขายหลังจากที่เข้าซื้อเมื่อเดือนพฤษภาคม
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ