วันนี้ (4 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย วรรณวิภา ไม้สน ส.ส. พรรคก้าวไกล, พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ส.ส. พรรคประชาชาติ, และ ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 รับยื่นหนังสือจากเครือข่าย We Fair นำโดย นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่าย We Fair
นิติรัตน์ระบุว่า ขอให้กรรมาธิการจัดลำดับความสำคัญในนโยบายสวัสดิการสังคมภายใต้วิกฤตสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่ สุขภาพ, การศึกษา, ประกันสังคม, ที่อยู่อาศัย, เงินอุดหนุนเด็ก, บำนาญประชาชน มากกว่านโยบายที่ไม่ใช่ลำดับความสำคัญ เช่น งบประมาณการจัดซื้ออาวุธ
We Fair เห็นว่า การจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ไม่ตอบโจทย์ 3 ประเด็นหลัก ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19, ความเหลื่อมล้ำ และเศรษฐกิจ ทั้งงบสวัสดิการประชาชนที่ลดลงร้อยละ 10, โครงการประกันสังคม และโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลดลงอย่างละ 2 หมื่นล้านบาท และภายใต้วิกฤตสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 กลับพบว่างบสวัสดิการของข้าราชการเพิ่มสูงขึ้น และรัฐไม่จัดลำดับความสำคัญของการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะการจัดงบของกระทรวงกลาโหมที่สูงเป็นอันดับ 4 ของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
พิธากล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2565 ครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมือง และเป็นการจัดงบประมาณที่ไร้สามัญสำนึก หรือเปรียบเทียบว่าเป็นการจัดงบประมาณอย่างอภิสิทธิ์ชนกับประชาชน ซึ่งตนเองในฐานะกรรมาธิการจะดำเนินการรีดไขมัน เพื่อให้งบประมาณสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด และจะกระจายคืนให้หน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องในยามประเทศกำลังดิ่งเหว สะท้อนถึงการให้คุณค่าของสังคมไทย และยืนยันจะปกป้องสวัสดิการของประชาชน ด้วยการรีดไขมันงบประมาณของอภิสิทธิ์ชนหรือของทหาร เพื่อกระจายคืนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการประชาชน ให้ไปดูแลเรื่องวัคซีนให้ประชาชน และหารือกับกรรมาธิการถึงรัฐสวัสดิการที่ต้องเกิดขึ้น
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
