วันนี้ (26 พฤษภาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยืนยันข่าวหลังสถาบันบําราศนราดูร โพสต์ข้อความเลื่อนการฉีดวัคซีนก่อนจะแก้ไขข้อความดังกล่าวในภายหลัง ว่าได้ไปที่สถาบันบําราศนราดูรมาแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่มือไวใจเร็วไปหน่อย แต่ตอนนี้ทุกอย่างปกติ เพราะทุกคนทำงานภายใต้ความกดดันและความตึงเครียด
ยืนยันว่าวันที่ 7 มิถุนายนนี้ทุกคนจะได้ฉีดวัคซีน ซึ่งประเทศไทยจัดให้ทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ขึ้นอยู่กับ ณ วันนั้น บางที่ทุก 3 วัน บางที่สัปดาห์ละครั้ง อยู่ที่ว่าคิวไปตกตรงไหนก็ตรงนั้น วัคซีนทุกชนิดที่ฉีดให้ประชาชนเป็นวัคซีนที่มีมาตรฐานสูงอยู่แล้ว
นักข่าวถามว่าวันที่ 7 มิถุนายนนี้จะเป็นวัคซีน AstraZeneca ใช่หรือไม่
อนุทิน กล่าวว่า “ผมตอบแล้ว ผมไม่ตอบแบบนี้ ก็ผมตอบแล้วไงว่าวัคซีนได้มาอย่างไร”
นักข่าวถามอีกว่าวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ที่จะออกมาจากบริษัทกระบวนการเป็นอย่างไร
อนุทินตอบว่า วัคซีนของ AstraZeneca กระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับมอบจากบริษัท AstraZeneca ซึ่งเป็นคู่สัญญาของกรมควบคุมโรค ไม่ได้รับจากสยามไบโอ ไซเอนซ์ โดยในสัญญาที่กรมควบคุมโรคจัดซื้อจัดหาไว้จะส่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
นักข่าวถามอีกว่า แสดงว่าวันที่ 7 มิถุนายน ประชาชนได้ฉีดวัคซีน AstraZeneca แน่นอน
อนุทินตอบว่า “อันนั้นคุณพูดเอง แต่ประชาชนมีวัคซีนแน่นอน”
อนุทินกล่าวด้วยว่า “อย่าไปเน้นยี่ห้อ ถ้าคุณเน้นยี่ห้อเดี๋ยวมันก็เกิดความกดดัน เดี๋ยวก็มีคนเครียดขึ้นมาอีก วัคซีนที่รัฐบาลไทยจะจัดให้กับประชาชนคือวัคซีนที่ป้องกันโรคโควิด-19 ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ ป้องกันไม่ให้ป่วยหนัก ป้องกันไม่ให้ตาย นั่นคือวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้”
นักข่าวถามอีกว่า ศบค. ปิดรับการลงทะเบียนหมอพร้อมเป็นเพราะวัคซีนไม่พอหรือรัฐบาลปรับการจัดสรรใหม่อย่างไร
อนุทินกล่าวว่า “ผมไม่ได้ไปประชุมร่วมกับ ศบค. ผมมีหน้าที่รับคำสั่งจาก ศบค. ว่าจะให้จัดวัคซีนไปที่ไหนอย่างไร พอเขาเอาเรื่องนโยบายไปกำกับที่ ศบค. แล้วผู้สื่อข่าวก็ต้องปล่อยผมหน่อย ต้องไปถาม ศบค. ผมทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติคนหนึ่ง”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า