×

Fed เริ่มส่งสัญญาณลดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่ง

20.05.2021
  • LOADING...
เศรษฐกิจสหรัฐ

สถานีโทรทัศน์ CNBC อ้างอิงรายงานผลประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งระบุชัดว่า ทางคณะกรรมการฯ เห็นชอบที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน หากสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งตามเป้าหมายที่วางไว้

 

ทั้งนี้ สมาชิกส่วนหนึ่งของ FOMC เห็นว่า ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะถึงเวลาเหมาะสมที่จะเริ่มพูดคุยหารือเพื่อวางแผนปรับมาตรการการซื้อคืนพันธบัตรในการประชุมครั้งหน้า

 

ความเห็นในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการจับตามองของนักลงทุนในตลาดที่กำลังรอดูว่า Fed จะเริ่มลดการซื้อคืนพันธบัตร 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนเมื่อใด โดยขณะนี้ Fed มีมูลค่างบดุลอยู่ที่เพียง 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ก่อนหน้านี้ท่าทีของ Fed ยืนยันชัดเจนว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายจนกว่าเป้าหมายทางเศรษฐกิจของ Fed โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อจะได้ตามที่ตั้งไว้ ดังนั้นความเห็นของที่ประชุมในเดือนเมษายนที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ จึงนับเป็นครั้งแรกที่ Fed แสดงท่าทีที่จะลดการซื้อคืนพันธบัตร แม้ว่าจะไม่ได้ระบุกำหนดเวลาก็ตาม

 

ด้าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังขาดเสถียรภาพและห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังไม่เห็นมาตรฐานความก้าวหน้าที่ทาง Fed กำหนดไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่เห็นอยู่ในช่วงเวลานี้เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นชั่วคราวเท่านั้น

 

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ล่าสุดของสหรัฐฯ เติบโตในอัตรารายปีที่ 4.2% ทำให้คาดการณ์ได้ว่า GDP ของสหรัฐฯ น่าจะสามารถขยายตัวในช่วงไตรมาสสองของปีได้ถึง 10% ขณะที่ปัจจัยในภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายก็ส่งสัญญาณปรับขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนยังคงน่าเป็นห่วง เพราะเพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านตำแหน่ง

 

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทาง Fed ได้ยกระดับการเติบโตโดยรวมว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และภาวะเงินเฟ้ออยู่ในช่วงขาขึ้น

 

รายงานความเห็นของ Fed ในครั้งนี้มีส่วนทำให้การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เช่นเดียวกับราคาของบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขาย โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 0.48% มาอยู่ที่ 33,896.04 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.29% มาอยู่ที่ 4,115.68 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.03% มาอยู่ที่ 13,299.74 จุด

 

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มธนาคารและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยโดยตรงของผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มพลังงานกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ด้านตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาของบิตคอยน์ซื้อขายระหว่างวันเมื่อวานนี้ลดลงมากกว่า 30% ลงมาอยู่ที่ 30,001.51 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ก่อนที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ราคาบิตคอยน์ที่ร่วงลงยังฉุดให้หุ้นของ Tesla ผู้ถือครองบิตคอยน์รายใหญ่ร่วงลง 2.5% และ Coinbase แพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตฯ ปรับตัวลดลงราว 6%

 

ในส่วนของราคาทองคำแท่งปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.1% มาอยู่ที่ 1,866.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากที่เปิดตลาดปรับตัวในช่วงเช้า 1.2% มาอยู่ที่ 1,889.75 ดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม

 

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.635% หลังเปิดเผยรายงานผลประชุม Fed

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X