×

โบรกคงเป้ากำไร บจ. ปีนี้ หลังงบไตรมาสแรกดีกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน-ส่งออก แนะจับตากลุ่มแบงก์ ห่วงตั้งสำรองเพิ่ม

17.05.2021
  • LOADING...
กำไร บริษัทจดทะเบียน

นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่า แนวโน้มกำไร บจ. ปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังจากที่เห็นผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน-ส่งออก อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังเป็นกลุ่มที่ถูกจับตามองว่าจะต้องเผชิญความเสี่ยงจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดระลอก 3 ในช่วงต้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา  

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า กำไร บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1 ปี 2564 ดีตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะกลุ่มหลักคือพลังงาน แบงก์และการเงิน ส่งออก อย่างไรก็ตาม กลุ่มค้าปลีกมีกำไรลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนหลักมาจากงบ CPALL 

 

ขณะเดียวกันเป็นที่สังเกตได้ว่ากำไร บจ. ขนาดกลาง-เล็ก เริ่มลดลงหรือมีกำไรเติบโตไม่มากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เพราะปีที่แล้ว บจ. ขนาดกลาง-เล็ก ยังสามารถบริหารจัดการและปรับธุรกิจได้อยู่ในช่วงที่เผชิญกับโควิด-19 ใหม่ๆ แต่ปีนี้เริ่มติดขัด

 

ทั้งนี้หากเทียบกำไร บจ. กับช่วงเดียวกันปีก่อน YoY ก็เชื่อว่าดีขึ้น แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อาจจะมีบางกลุ่มธุรกิจที่กำไรชะลอตัวลง 

 

สำหรับแนวโน้มกำไร บจ. ในช่วงที่เหลือปีนี้ บล.หยวนต้า ยังมีมุมมองเป็นบวก และเชื่อว่ากำไร บจ. ทั้งปีจะเติบโตขึ้นจากปี 2563 ซึ่งสอดรับกับการเติบโตของ GDP ประเทศ โดยเบื้องต้นคาดการณ์​กำไรต่อหุ้นปี 2564 ที่ 80 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว และคาดการร์กำไร บจ. ปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 90 บาทต่อหุ้น 

 

โดยกลุ่มที่ปรับมุมองเป็นดีขึ้นคือกลุ่มพลังงาน รวมสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มส่งออก กลุ่มยานยนต์ และธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากธีม Global Play และกลุ่มที่ยังต้องติดตามความเสี่ยงคือกลุ่มบริการ เช่น ท่องเที่ยวและโรงแรม ค้าปลีก และบันเทิง 

 

อย่างไรก็ตาม จับตามองกลุ่มแบงก์ เนื่องจากต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงเรื่องการตั้งสำรองที่เพิ่มอีกครั้ง หลังจากเกิดระลอก 3 ในช่วงต้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และการออกมาตรการเยียวยาภาคประขาชนต่างๆ ที่ทำให้แบงก์อาจมีศักยภาพการทำกำไรลดลง 

 

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 กับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงต่อบริษัทจดทะเบียนอาจจะไม่ได้สัมพันธ์กันทั้งหมด ในปีที่แล้วโควิด-19 เพิ่งเริ่มต้นและภาคธุรกิจเพิ่งเริ่มปรับตัว ขณะที่เงินช่วยเหลือเข้าสู่ระบบจริงๆ ก็ปลายปี แต่ปีนี้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเป็นสัญญาณการฟื้นตัวก่อน จนกระทั่งต้นไตรมาส 2 ที่เกิดการแพร่ระบาดระลอก 3 แต่ก็มองว่าภาคธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบหนักเท่ากับปีที่ผ่านมา”​

 

สุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า กำไร บจ. ในไตรมาส 1 ปีนี้ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยอ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พบว่า กำไร บจ. เติบโต 154% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และเติบโต 25% จากไตรมาสที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากราคามันในไตรมาส 1 ปีนี้ที่ปรับตัวดีขึ้น ตรงกันข้ามกับราคาน้ำมันไตรมาส 1 ปีที่แล้วที่เป็นทิศทางขาลง 

 

นอกจากนี้ทิศทางเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 1 ปีนี้ยังเป็นทิศทางขาขึ้น หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง (Re-Opening) ทำให้กลุ่มส่งออก รถยนต์ เกษตร และอาหาร มีกำไรดีขึ้นเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มแบงก์เป็นกลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษว่าจะต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงเพิ่มหรือไม่ 

 

หากประเมินต่อเนื่องถึงแนวโน้มกำไร บจ. ไตรมาส 2 ปีนี้ยังมีมุมมองเป็นบวก โดยเชื่อว่าจะได้เห็นการเติบโต YoY แต่หากเทียบ QoQ อาจจะกำไรลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อ และเกิดการระบาดระลอก 3 ขึ้น ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักในหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศชะลอการเติบโต 

 

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2564 บล.กสิกรไทย ยังคงมุมมองกำไรต่อหุ้นที่ 81 บาท โดยกลุ่มที่จะมีกำไรเติบโตอย่างโดดเด่นคือกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น พลังงงาน โรงกลั่น ปิโตรเคมี สินค้าโภคภัณฑ์ รถยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น 

 

ขณะที่ วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากข้อมูลการแจ้งผลประกอบการ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม คิดเป็น 82% ของบริษัทที่ บล.บัวหลวง ติดตามเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า กำไร บจ. ส่วนใหญ่ดีขึ้น จึงยังคงประมาณการกำไรต่อหุ้นทั้งปี 2564 ไว้ที่ 83 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากเทียบกับระดับดัชนี 1,500 จุด ได้ค่า P/E ราว 18 เท่า 

 

ส่วนแนวโน้มกำไรรายไตรมาสเชื่อว่าจะดีขึ้น YoY ขณะที่ QoQ ยังต้องติดตามปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศและมาตรการเยียวยาจากทางภาครัฐประกอบด้วย 

 

ทั้งนี้กลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตอย่างโดดเด่นคือกลุ่มที่ขยายตัวสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เช่น กลุ่มพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กลุ่มวัฎจักร กลุ่มส่งออก กลุ่มเกษตรและอาหาร 

 

ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับประมาณการลง โดยต้องรอฟังมุมมองจากผู้บริหารประกอบกับแผนการฉีดวัคซีนภายในประเทศและมาตรการเยียวยาต่างๆ ของภาครัฐประกอบอีกครั้งหนึ่ง 

 

อีกกลุ่มที่ยังต้องติดตามคือกลุ่มแบงก์ ซึ่งแม้ความกังวลเรื่องหนี้เสียเพิ่มขึ้นจะมีไม่มาก เพราะแบงก์ไม่ได้เร่งปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม แต่มาตรการเยียวยาจากภาครัฐรวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย อาจทำให้ศักยภาพการทำกำไรของกลุ่มแบงก์ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่ากลุ่มแบงก์จะมีการเติบโตของกำไรในปีนี้เช่นเดิม

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X